เอเอฟพีรายงานว่า นายกรัฐมนตรีวิคเตอร์ ออร์บาน ของฮังการี ซึ่งมีนโยบายต่อต้านคนเข้าเมืองจะทำหน้าที่บริหารประเทศต่อเป็นสมัยที่ 3 ในวันนี้หลังคว้าชัยชนะอย่างท่วมทันในการเลือกตั้งเมื่อวาน ผลการนับคะแนนเสร็จสิ้นแล้วปรากฏว่าพรรคฟิเดซของนายออร์บานได้คะแนนร้อยละ 49 นับว่าดีขึ้นค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับผลการเลือกตั้งเมื่อ 4 ปีที่แล้ว สร้างความปลาบปลื้มใจให้กับกลุ่มการเมืองแนวคิดชาตินิยมจากพรรคอื่นๆของฮังการีด้วย แต่ก็อาจจะสร้างความอึดอัดใจให้กับรัฐสมาชิกบางประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรป(อียู)เช่นกัน
ส่วนพรรคจอบบิค พรรคแนวคิดขวาจัด คู่แข่งทางการเมืองที่สูสีที่สุดกับพรรคฟิเดซ คะแนนต่ำกว่าร้อยละ 20 ที่สำคัญคือพรรคฟิเดซของนายออร์บานจะครองคะแนนเสียงมากถึง 2 ใน 3 ในสภาผู้แทนราษฏรของฮังการี จะมีผลอย่างมีนัยสำคัญอีกอย่างหนึ่งคือ จะช่วยให้รัฐบาลมีเสียงสนับสนุนในสภาผู้แทนราษฏรเพียงพอที่จะเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญของฮังการี
ก่อนหน้านี้ นายออร์บานได้แถลงต่อกลุ่มผู้สนับสนุนของเขาในกรุงบูดาเปสต์ เมื่อคืนวานนี้ เขากล่าวถึงผลการเลือกตั้งในครั้งนี้ว่าเป็นชัยชนะที่จะมีความหมายอย่างยิ่งในการกำหนดอนาคตของประเทศ ที่สำคัญคือจะช่วยให้พลเมืองฮังการีมีโอกาสจะปกป้องตนเองและปกป้องชายแดนของฮังการีให้มั่นคงปลอดดัยมากยิ่งขึ้น
แม้ว่าหลายประเทศในกลุ่มอียูมองเรื่องชัยชนะของนายออร์บานว่าเป็นเรื่องที่น่าเป็นกังวลเนื่องจากเขามีจุดยืนที่สวนทางกับองค์กรอียูในหลายๆเรื่องเช่นเรื่องนโยบายต่อต้านคนเข้าเมือง การปฏิเสธข้อตกลงของอียูว่าด้วยเรื่องการจัดสร้างที่พักพิงให้กับผู้อพยพและการปราบปรามกลุ่มภาคประชาสังคมต่างๆของรัฐบาลฮังการี แต่กลุ่มที่มีแนวคิดชาตินิยมและกลุ่มแนวคิดขวาอื่นๆในฮังการี,โปแลนด์และแม้กระทั่งนางมารีน เลอ เปน จากพรรคขวาจัดของฝรั่งเศสได้ร่วมแสดงความยินดีกับนายออร์บานในโอกาสชนะการเลือกตั้งในครั้งนี้ด้วย