ชาวอเมริกันแสดงความกระตือรือร้นทางการเมืองมากขึ้นในห้วง 2 ปีที่ผ่านมา ส่วนใหญ่เนื่องมาจากต่อต้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โดยผลสำรวจของ นสพ.วอชิงตัน โพสต์ ร่วมกับมูลนิธิ “ไกเซอร์ แฟมิลี่” ชี้ว่า ชาวอเมริกัน 1 ใน 5 เคยมีประสบการณ์เข้าร่วมการชุมนุมหรือการประท้วงทางการเมือง นับตั้งแต่ต้นปี 2559 โดยร้อยละ 19 ระบุว่า เข้าร่วมการชุมนุมดังกล่าวเป็นครั้งแรก และร้อยละ 32 เคยเดินขบวนตามท้องถนน เพื่อประท้วงประธานาธิบดีทรัมป์ มีเพียงร้อยละ 19 ที่ออกมาเดินขบวนเพื่อให้การสนับสนุน นอกจากนี้ ผู้ตอบแบบสำรวจหลายคนยังเคยเดินขบวนสนับสนุนประเด็นเฉพาะกรณี เช่น สิทธิสตรี สิ่งแวดล้อม การควบคุมอาวุธปืน ปัญหาผู้อพยพ การทำแท้ง หรือ สิทธิของกลุ่มคนรักร่วมเพศ
ส่วนภาพรวมในการบริหารประเทศ ร้อยละ 40 ของผู้ตอบแบบสำรวจ 1,850 คน เห็นชอบกับการบริหารของประธานาธิบดีทรัมป์ ขณะที่ร้อยละ 57 ไม่เห็นชอบ ผลสำรวจ ซึ่งจัดทำระหว่างวันที่ 24 ม.ค. ถึง 22 ก.พ. ยังพบด้วยว่า นักเคลื่อนไหวหลายคนมีอายุมากขึ้น และมีฐานะ โดยร้อยละ 44 มีอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป และร้อยละ 36 มีรายได้เฉลี่ยปีละมากกว่า 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ
สำหรับชาวอเมริกันที่เคยเดินทางไปร่วมชุมนุมประท้วง ร้อยละ 70 ไม่เห็นชอบต่อการบริหารประเทศของประธานาธิบดีทรัมป์ ในจำนวนนี้เป็นผู้สนับสนุนพรรคเดโมแครตร้อยละ 42 สนับสนุนพรรครีพับลิกันของประธานาธิบดีทรัมป์ร้อยละ 20 ส่วนที่เหลือร้อยละ 36 มีแนวคิดอิสระ นอกจากนี้ ร้อยละ 83 ยังยืนยันจะเดินทางไปใช้สิทธิออกเสียงลงคะแนนเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภากลางสมัยในเดือนพฤศจิกายน
ทีมต่างประเทศ
CR:AFP