ประชาธิปัตย์ ไม่กังวลสมาชิกถูกดึงตัว เตือนรบ.อย่านำอำนาจรัฐสร้างความได้เปรียบทางการเมือง

06 เมษายน 2561, 13:36น.


กรณีที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ประกาศจะสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นนายกรัฐมนตรีต่อหลังการเลือกตั้ง และมีแนวโน้มจะตั้งพรรคการเมือง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ มองว่า การตั้งพรรคเป็นสิทธิของแต่ละคน ส่วนที่มีหลายฝ่ายมองว่า คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ยังไม่ยอมปลดล็อคการเมือง เพราะต้องการจะแช่แข็งพรรคการเมืองเก่า อยากให้ดูหลักธรรมาภิบาล และไม่อยากให้ทุกอย่างกลับไปสู่จุดที่นำการเมืองมาเป็นอำนาจหลักเหมือนเก่า เพราะหากรัฐบาล นำอำนาจรัฐมาสร้างความได้เปรียบทางการเมืองให้ตัวเองก็จะไม่สามารถปฏิรูปการเมืองได้อย่างที่ประกาศไว้



กรณีที่นายสกลธี ภัททิยะกุล และนายณัฐพล ทีปสุวรรณ สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ เข้าทำเนียบรัฐบาลไปพูดคุยกับนายสมคิด ทราบว่าเป็นการคุยเรื่องธุรกิจในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษอีอีซี นายสกลธี ยืนยันความเป็นสมาชิกกับพรรคแล้ว แต่นายณัฐพล ไปบวชมาจึงต้องออกจากการเป็นสมาชิกพรรคไปโดยปริยาย ซึ่งต้องรอคสช.ปลคล็อคพรรคการเมืองให้สมาชิกใหม่สามารถสมัครยืนยันตัวได้ก่อน มองว่า เป็นเรื่องธรรมดาที่พรรคการเมืองใหม่ๆ พยายามดึงดูดอดีตส.ส.ของพรรคตัวเอง ไม่ได้มีความกังวลว่าสมาชิกพรรคจะถูกดึงตัวไปร่วมพรรคใหม่



ส่วนเรื่องคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 53/2560 นาย อภิสิทธิ์ ระบุว่า เป็นคำสั่งที่ขัดแย้งกันเอง จำเป็นต้องแก้ไข เพื่อให้ทำกิจกรรมสาขาพรรคได้ และเรื่องนี้ผู้ตรวจการแผ่นดิน ก็มีคำวินิจฉัยตามอำนาจแล้วว่า คำสั่งดังกล่าวของคสช.ขัดต่อรัฐธรรมนูญและเป็นการสร้างภาระให้พรรคการเมืองอย่างไม่จำเป็น แต่รัฐธรรมนูญกลับไปรับรองคำสั่งคสช. ทำให้กฏหมายย้อนแย้งกันเอง หากรัฐบาลจะปฏิรูปประเทศ ก็ต้องเคารพองค์กรอิสระ เคารพสิทธิของประชาชน และเมื่อผู้ตรวจการแผ่นดิน มีคำวินิจฉัยแล้ว รัฐบาล,คสช. และสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) ก็ควรแก้ไข



นายอภิสิทธิ์ ระบุว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่ใช่พรรคอนุรักษ์นิยม แต่เป็นเพราะการต่อสู้ทางการเมืองทำให้ถูกมองว่าอยู่ฝ่ายอนุรักษ์นิยม พรรค ยืนยันชัดเจนว่ายึดมั่นในหลักระบอบเสรีนิยมประชาธิปไตยและไม่เอานโยบายประชานิยม มองว่าคนรุ่นใหม่ที่จะเข้ามาเล่นการเมืองจะมีบทบาทมาก และจะเป็นการผสมผสานคนที่ทำงานการเมืองมาก่อน คนรุ่นใหม่นายพริษฐ์  วัชระสินธุ์ หลานชายตัวเองก็เคยพูดว่าไม่ใช่เรื่องของคนอายุน้อยหรือคนใหม่ แต่เป็นเรื่องของคนที่อยู่เก่าแล้วคิดใหม่ตลอดเวลา วันนี้พรรคตกผลึกแล้วว่าจะต้องเดินหน้าเปลี่ยนแปลงให้ทันต่อสถานการณ์โลกและให้ทันต่อประชาชน เชื่อว่า นโยบายพรรคแตกต่างจากคสช. เพราะคสช.เน้นรวมอำนาจไว้ที่ระบบราชการ และให้ข้าราชการเป็นคนทำงานให้ แต่พรรคประชาธิปัตย์ มุ่งเน้นกระจายอำนาจ อยากให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัด อีกทั้งจะแตกต่างจากพรรคเพื่อไทย เพราะพรรคไม่เน้นนโยบายประชานิยมและไม่ใช้อำนาจที่ได้มาจากการเลือกตั้ง แต่มุ่งให้ประชาชนตรวจสอบได้ และมีนโยบายด้านความมั่นคง มีระบบรัฐสวัสดิการและสิทธิต่างๆ



ผู้สื่อข่าว: ธีรวัฒน์ สิทธิเกรียงไกร



 

ข่าวทั้งหมด

X