ซีเอ็นเอ็นรายงานอ้างแถลงการณ์ร่วมจากนักวิทยาศาสตร์ที่เชี่ยวชาญทางด้านเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์หรือเอไอราว 50 คนจากทั่วโลก มีศาสตราจารย์โทบี วอลช์ ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีเอไอจากมหาวิทยาลัยนิว เซาท์ เวลส์ ออสเตรเลีย เป็นแกนนำว่า พวกเขาคัดค้านกรณีสถาบันวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีชั้นสูงแห่งเกาหลีใต้(เคเอไอเอสที)เปิดเผยเมื่อเร็วๆนี้ว่าอยู่ระหว่างการทำงานร่วมกับบริษัทวิจัยด้านกลาโหมชื่อฮันฮวา ซิสเท็มส์ เพื่อทำการวิจัยและผลิตอาวุธอัตโนมัติหรือหุ่นยนต์สังหารขึ้นมา ระบุว่าพวกเขารู้สึกผิดหวังกรณีสถาบันเคเอไอเอสที มีส่วนเร่งให้เกิดการแข่งขันพัฒนาอาวุธ โดยเฉพาะการสร้างหุ่นยนต์สังหาร
แถลงการณ์ร่วมระบุว่า พวกเขาต้องการแถลงให้สาธารณชนทราบว่าพวกเขาจะไม่ให้การร่วมมือใดๆกับสถาบันเคเอไอเอสทีจนกว่าประธานของสถาบันฯแห่งนี้จะให้คำมั่นว่า ทางสถาบันฯจะไม่ทำการพัฒนาอาวุธสังหารแบบอัตโนมัติในลักษณะที่ไม่มีระบบควบคุมทำงานโดยมนุษย์ โดยเฉพาะส่วนที่เป็นสาระสำคัญคือระบบควบคุมสั่งการหุ่นยนต์ เพิ่มเติมว่าหากหุ่นยนต์สังหารได้รับการพัฒนาขึ้นมาเป็นผลสำเร็จ อาวุธอัตโนมัติดังกล่าวจะเป็นวิวัฒนาการครั้งที่ 3 ในด้านการผลิตอาวุธสงครามของมนุษย์ ระบุว่า อาวุธดังกล่าวจะช่วยให้เกิดการสู้รบกันอย่างรวดเร็วและสร้างความเสียหายรุนแรงกว่าสงครามในอดีต
ที่สำคัญกว่านั้นคือ หากอาวุธชนิดนี้ไปตกอยู่ในเมืองของรัฐบาลเผด็จการหรือกลุ่มก่อการร้าย พวกเขาก็จะใช้อาวุธดังกล่าวเพื่อสังหารประชาชนผู้บริสุทธิ์ โดยไร้ซึ่งมโนธรรมหรือจิตสำนึกผิดชอบชั่วดียับยั้งจิตใจอีกต่อไป พร้อมทั้งตั้งข้อสังเกตว่ากล่องอาวุธของหุ่นยนต์สังหาร หากถูกเปิดขึ้นมาเพื่อสังหารแล้ว ยากที่จะปิดลงอย่างง่ายดาย การคัดค้านดังกล่าวมีขึ้นไม่ถึง 1 สัปดาห์ก่อนที่คณะทำงานชุดหนึ่งของสหประชาชาติจะประชุมกันในนครเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ เพื่อหารือในเรื่องระบบอาวุธสังหารแบบอัตโนมัติเช่นหุ่นยนต์สังหาร