สรุปข่าว 19.35 น.
+++สงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ นายจู กวงเหยา รมช.คลังของจีน กล่าวในวันนี้ว่า จีนไม่ต้องการทำสงครามการค้า แต่จะตอบโต้หากถูกยั่วยุ พร้อมย้ำว่า เราจะตอบโต้หากมีประเทศใดบ่อนทำลายผลประโยชน์ของเรา ไม่ควรมีใครคิดว่าจีนจะทนรับทุกอย่างที่มีผลกระทบต่อผลประโยชน์ของเรา นี่เป็นหลักการที่เราต้องยึดถือ และนี่เป็นเวลาที่สหรัฐควรหันไปดำเนินการอย่างถูกต้อง โดยกลับมาเจรจากับจีนอย่างสร้างสรรค์ ในการจัดการกับปัญหาและความท้าทาย เพื่อให้ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศมีความแข็งแกร่งและมั่นคง
+++กระทรวงการคลังจีนได้เปิดเผยรายการสินค้าของสหรัฐที่จะถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้าในวงเงิน 5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งประกอบด้วยสินค้า 106 รายการใน 14 หมวดสินค้า รวมถึงถั่วเหลือง วิสกี้ รถยนต์ เครื่องบิน อาวุธยุทโธปกรณ์ และเคมีภัณฑ์ โดยรัฐบาลจีนจะเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐในอัตราร้อยละ 25 ซึ่งเป็นอัตราเดียวกับที่สหรัฐเรียกเก็บจากจีน สำหรับวันที่จะมีผลบังคับใช้นั้น กระทรวงเปิดเผยว่า ขึ้นอยู่กับสหรัฐว่าจะเริ่มเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเมื่อไร
+++ล่าสุดประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯทวีตข้อความว่าสหรัฐฯไม่ได้ต้องการทำสงครามการค้ากับจีน ระบุว่าที่ผ่านมา คนโง่และไร้ฝีมือที่ก้าวขึ้นมาเป็นผู้แทนประเทศสหรัฐฯพ่ายสงครามการค้ามาโดยตลอด เป็นเหตุให้สหรัฐฯขาดดุลการค้าราว 5 แสนล้านดอลลาร์ต่อปีในปัจจุบัน อีกทั้งลักทรัพย์สินทางปัญญาของสหรัฐฯไปอีก สร้างความเสียหายอีก 3 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มเติมว่ารัฐบาลสหรัฐฯภายใต้การบริหารของเขาจะไม่ปล่อยให้ปัญหานี้คาราคาซังอีกต่อไป
+++มาตรการดังกล่าวยังไม่มีผลบังคับใช้ในทันที โดยบริษัทสหรัฐจะมีเวลาจนถึงวันที่ 22 แสดงความคิดเห็นเพื่อคัดค้านการดำเนินการดังกล่าว และทาง USTR จะเริ่มเปิดการรับฟังความเห็นจากประชาชนทั่วไปในวันที่ 15 พ.ค.นี้
++ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงโดยปิดตลาดที่ระดับ1,7247.98 จุด ลดลง 40.26 จุดหรือลดลง ร้อยละ 2.28มูลค่าการซื้อขาย (วอลุ่ม) ที่หนาแน่นถึง 93,160.59 ล้านบาทนางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า สาเหตุที่ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงช่วงนี้เกิดจากปัจจัยลบต่างประเทศเป็นหลัก เนื่องจากนักลงทุนกังวลสงครามการค้า ระหว่างสหรัฐและจีน ซึ่งกระทบตลาดหุ้นในภูมิภาคและตลาดหุ้นไทย แต่หากพิจารณาเชิงพื้นฐานหุ้นไทยมีปัจจัยภายในประเทศที่แข็งแกร่งและมีข่าวดี โดยเฉพาะตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ปีนี้ที่หลายสำนักปรับเพิ่มประมาณการณ์เติบโตไม่ต่ำกว่าร้อยละ 4 ทำให้ภาพการลงทุนในตลาดหุ้นไทยระยะยาวยังมีทิศทางเติบโตดี ดังนั้น ในช่วงที่ภาวะหุ้นตกและมีข่าวสารกระทบการลงทุน นักลงทุนควรระมัดระวังและพิจารณาข่าวสารอย่างรอบคอบ
+++ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดวันนี้ปรับตัวลดลง เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน ดัชนีฮั่งเส็งลดลง 661.41 จุด หรือ 2.19% ปิดวันนี้ที่ 29,518.69 จุด
+++ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดขยับขึ้นในวันนี้ ดัชนีนิกเกอิปิดบวก 27.26 จุด ที่ 21,319.55 จุด หุ้นที่ปรับตัวขึ้นในวันนี้ นำโดยหุ้นกลุ่มประมงและสินค้าเกษตร กลุ่มค้าปลีก และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์
+++พรุ่งนี้ พลเอกประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เดินทางเยือนกัมพูชา เพื่อร่วมประชุมสุดยอดผู้นำลุ่มน้ำโขงตอนล่าง พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การประชุมจัดขึ้นที่จังหวัดเสียมราฐ ราชอาณาจักรกัมพูชา โดยการประชุมครั้งนี้ ผู้เข้าร่วมการประชุมประกอบด้วยไทย กัมพูชา ลาว และเวียดนามและรัฐมนตรีจากประเทศคู่เจรจา ได้แก่ จีนและเมียนมา ประเด็นที่นายกรัฐมนตรีจะผลักดันในการประชุมครั้งนี้ ได้แก่ ผลักดันความร่วมมือการบริหารจัดการความเสี่ยงด้านภัยพิบัติจากภาวะน้ำแล้ง น้ำท่วม และคุณภาพน้ำ จะผลักดันให้ คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขงมีความเข้มแข็งและโดดเด่น
+++นายุสเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการกปปส. ไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊ก “Suthep Thaugsuban (สุเทพ เทือกสุบรรณ)”ว่า ขออนุญาตพูดถึงแกนนำพันธมิตรฯท่านหนึ่งที่ถูกอายัดบัญชี คือ นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งเป็นแกนนำที่สำคัญที่สุด เพราะพันธมิตรฯเริ่มต้นจากนายสนธิ เดิมทีนายสนธิประกอบอาชีพเป็นสื่อมวลชนที่ประสบความสำเร็จในประเทศไทย โดยเขาเริ่มทำงานตั้งแต่อายุยังน้อยปี 2517 หรือ 27 ปี กระทั่งนายสนธิเริ่มวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร และเปิดโปงการทุจริตของระบอบทักษิณ จึงทำให้โดนอิทธิพลระบอบทักษิณเต็มที่ โดยชุมนุมครั้งแรกเมื่อวันที่ 4 ก.พ. 2549 ที่ลานพระบรมรูปทรงม้า หลังการต่อสู้ต้องเจอคดี ทั้งแพ่ง ทั้งอาญา ที่น่าชื่นชมคือแกนนำเหล่านี้เคารพกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมของไทย ไม่เคยดูถูกเหยียบหยามกระบวนการยุติธรรมไทย พร้อมเผชิญหน้ากับการดำเนินคดีทุกคดี ไม่หนีคดี และวันนี้เป็น 1 ใน 13 แกนนำพธม.อายัดบัญชี นำเรื่องนายสนธิมาพูดเพื่อบอกว่าแม้วันเวลาผ่านไปนานแล้ว แต่การต่อสู้อย่างห้าวหาญเด็ดเดี่ยวด้วยความสามัคคีเป็นเลิศ ยังตรึงตราอยู่ในหัวใจของพวกเราทุกคน วันนี้ ตนและมวลมหาประชาชนขอเป็นกำลังใจให้นายสนธิ
++++ผลการตรวจปัสสาวะของชายไทยทั่วประเทศที่เข้ารับการเกณฑ์ทหารในปี 256นายศิรินทร์ยา สิทธิชัย เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาสเพติด หรือ ป.ป.ส. กล่าวว่า เบื้องต้นที่มีรายงานเข้ามายังป.ป.ส.พบว่ามีจำนวน 21,509 รายหรือร้อยละ 3.8 เท่านั้น โดยพบมากที่สุดในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งยังต้องรอรายงานสรุปภาพรวมทั่วประเทศก่อน และเชื่อว่าในปีนี้ตัวเลขจะมีปริมาณลดลง หากเปรียบเทียบกับปี 2560 ผลการตรวจปัสสาวะของผู้เข้ารับการเกณฑ์ทหารกว่าแสนคนทั่วประเทศคิดเป็นร้อยละ 7.9 ซึ่งพบสูงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และสารเสพติดที่ตรวจพบยังคงเป็น ยาบ้าและกัญชา
++++สำหรับมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาผู้ใช้สารเสพติดที่เข้ารับการเกณฑ์ทหารนั้น จะเป็นหน้าที่ของค่ายทหารฝึกทหารเกณฑ์ใหม่จะต้องเข้ารับการบำบัดในค่ายทหารนั้นๆ ในผลัดแรก ส่วนกลุ่มจับใบดำไม่ต้องเป็นทหาร. ทางป.ป.ส.หน่วยงานทหารแต่ละภาคจะทำบันทึกทะเบียนประวัติ แล้วส่งเข้ารับการบำบัดรักษาตามภูมิลำเนาและส่งเข้าศูนย์ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในแต่ละจังหวัดเป็นเวลา 13 วัน หลังจากสิ้นเดือนเมษายนนี้
++++พล.ต.ต.ธวัชชัย เมฆประเสนิฐสุข ผู้บังคับการกองพิสูจน์หลักฐานกลาง เปิดเผยหลังเข้าตรวจสอบ ราชเทวีอพาร์ทเมนท์ว่า ต้นเพลิงน่าจะอยู่ที่ชั้น 6 เนื่องจากพบร่องรอยการไหม้ที่แผงสายไฟซึ่งไม่เก่า แต่ยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง ทั้งไฟฟ้าลัดวงจรหรือเกิดจากการกระทำของมนุษย์ ส่วนสิ่งของที่อยู่ในห้องชาร์ป หรือห้องเก็บสายไฟเกือบทุกชั้น อาจเป็นสาเหตุทำให้เกิดควันไฟจำนวนมาก ส่วนประตูห้องชาร์ปล็อคหรือไม่ล็อค ต้องตรวจสอบกล้องวงจรปิดอีกครั้ง ขณะนี้ได้นำฮาร์ดดิสก์ กล้องวงจรปิดทั้งอาคารไปตรวจสอบ เพื่อเทียบเคียงพยานหลักฐานที่พบในที่เกิดเหตุ
+++ขณะนี้ มีการสอบปากคำผู้อาศัยในอาคารดังกล่าวแล้วกว่า 100 ปาก พนักงานดับเพลิง 3ปาก ในประเด็นตั้งแต่เดินทางมาถึงจุดเกิดเหตุ ลักษณะกายภาพของพื้นที่ภายใน ลักษณะการลุกไหม้ และขั้นตอนวิธีการดับเพลิง เพื่อใช้ประกอบสำนวนคดี จนถึงขณะนี้ ยังไม่มีเรียกผู้ใดมาแจ้งข้อกล่าวหา เนื่องจากอยู่ระหว่างการสอบสวนพยานและรอผลตรวจสอบที่เกิดเหตุ
+++พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.ตรวจเยี่ยมความพร้อมศูนย์รับแจ้งข่าว 191 ชั้น 4 อาคารกองบังคับการตำรวจจราจร พร้อมทดสอบระบบคู่สายโทรศัพท์รับแจ้งเหตุจากประชาชนด้วยตนเอง ขั้นตอนต่อไปจะต้องใช้เทคโนโลยี บุคลากร และยานพาหนะ มาเพิ่มเติมให้ทันสมัย สามารถเชื่อมโยงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น การแพทย์ และป้องกันสาธารณภัย อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะนี้อยู่ระหว่างส่งร่าง พ.ร.บ.หมายเหตุฉุกเฉิน ให้คณะกรรมการกฤษฎีกา ตรวจสอบและรอการทำประชาพิจารณ์ ดังนั้นจึงเห็นว่าผู้รับสาย 191 ควรต้องเป็นตำรวจ หรือจัดจ้างอดีตตำรวจเกษียณมาทำหน้าที่นี้
+++แต่ที่ผ่านมาศูนย์ 191 ก็มีอุปสรรคคือประชาชนโทรศัพท์เข้ามาโดยไม่ตรงจุดประสงค์ทั้งการสอบถามข้อมูลคิดเป็นร้อยละ 91 และเป็นสายป่วนทำให้คู่สายเต็มจึงต้องประชาสัมพันธ์ สร้างความเข้าใจและสำนึกในส่วนนี้ สำหรับสถิติทั่วประเทศปี 2560 มีประชาชนโทรเข้าหมายเลข 191 เฉลี่ยประมาณปีละ 10 ล้านสาย โดย 191 ของนครบาลมีจำนวนสายเข้าเป็นร้อยละ 40 ของทั้งประเทศ คือปีละประมาณ 4 ล้านสาย เฉลี่ยสายเข้าประมาณวันละ 14,000 - 15,000 สาย เดือนละประมาณ 300,000 - 400,000 สาย
+++สื่อไต้หวันรายงานว่า สำนักงานสาธารณสุขมณฑลไทตุงของไต้หวันรายงานว่า มีสาวไทยรายหนึ่งอายุ 24 ปี ใช้ชื่อว่าแพตตี้ ลักลอบขายบริการทางออนไลน์ โดยภายหลังทางการไต้หวันทราบว่าสาวรายนี้ติดเชื้อไวรัสเอชไอวี รายงานระบุว่าเธอเดินทางเข้าไต้หวันตั้งแต่วันที่ 11 มีนาคมโดยใช้วีซ่านักท่องเที่ยว และได้ดำเนินการขายบริการทางเพศช่วงระหว่างวันที่ 13 มี.ค. ถึง 22 มี.ค. ในแถบไถตง โดยใช้วิธีการหาลูกค้าผ่านทางแอพพลิเคชั่นไลน์ เธอขายบริการให้ลูกค้าจำนวนหลายสิบคน ก่อนที่เจ้าหน้าที่ของเขตไทตุงจับกุมเธอและในวันที่ 2 เมษายนหลังจากนั้นเธอถูกทางการไต้หวันเนรเทศกลับประเทศไทย ขณะที่สำนักอนามัยของไต้หวันได้ให้คำแนะนำว่าใครก็ตามที่เคยซื้อบริการเธอและไม่ได้ป้องกัน ควรเข้ารับการตรวจเชื้อเอชไอวีภายในสามเดือน