การเปิดกิจกรรมรณรงค์ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2561 ภายใต้แนวคิด สงกรานต์วิถีไทยคมนาคมห่วงใย ปลอดภัยทุกการเดินทาง นายธีรพงษ์ รอดประเสริฐ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานในการเปิดกิจกรรม เน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานจัดบริการและอำนวยความสะดวกด้านระบบคมนาคมขนส่ง เพื่อรองรับประชาชนเดินทางเที่ยวไปและกลับ มาตรการในช่วงเทศกาลสงกรานต์7ข้อ ประกอบด้วย จัดรถโดยสารให้เพียงพอ เพื่อไม่ให้ผู้โดยสารตกค้าง จัดรถไม่ประจำทางเข้ามาวิ่งเสริม ซึ่งพนักงานที่ขับรถเสริมจะมีความคุ้นชินกับเส้นทาง รวมถึงจะต้องได้รับอนุญาตและแสดงหลักฐานการอนุญาตให้วิ่งรถไว้ที่หน้ารถ, การจราจรต้องเคลื่อนตัวได้ไม่ติดขัด,ผู้ประจำรถโดยสาร ต้องไม่มีสารเสพติดและแอลกอฮอล์ต้องเป็นศูนย์,สถิติการเกิดอุบัติเหตุบนโครงข่ายคมนาคมต้องลดลงจากเดิมร้อยละ 7,ต้องไม่มีผู้เสียชีวิตจากการใช้บริการรถโดยสาร, ต้องไม่มีผู้เสียชีวิตในเส้นทางมอเตอร์เวย์,ต้องไม่มีผู้เสียชีวิตในที่มีจุดตัดรถไฟ รวมถึงมีมาตรการเข้มข้นในช่วง7วันก่อนเทศกาล 7วันช่วงเทศกาล 7วันหลังเทศกาล ด้วยกัน 4 ข้อ คือ เส้นทางการคืนพื้นผิวจราจรต้องมีความพร้อมทั้งหมด, ป้ายเตือน สัญญาณไฟ กรวยยาง จะต้องมีเพียงพอโดยเฉพาะ 77 เส้นทางบนโครงข่ายคมนาคมต้องไม่เกิดอุบัติเหตุ , ตั้งจุดบริการร่วม One Transport 77เส้นทางตลอด 24 ชั่วโมง,มีหน่วยย่อยระบบ GPS ควบคุมในแต่ละพื้นที่ ซึ่งขณะนี้มั่นใจว่ามีความพร้อมในการให้บริการและได้เตรียมรถไว้เพียงพอต่อความต้องการของประชาชนแล้ว
ด้านนายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวว่า เทศกาลสงกรานต์ปีนี้ กรมการขนส่งทางบก มีการตรวจเข้มทุกมาตรการ โดยตรวจความพร้อมรถโดยสาธารณะและคนขับทั่วประเทศอย่างเข้มข้นภายในสถานีขนส่งและจุดจอดรถกว่า212 แห่ง ตั้งแต่ต้นทาง ระหว่างทาง จนถึงจุดหมายปลายทาง หากรถโดยสารสาธารณะคันใดมีสภาพรถไม่มั่นคงแข็งแรงเจ้าหน้าที่จะพ่นข้อความว่าห้ามใช้รถ และต้องนำกลับไปแก้ไขให้เรียบร้อย ก่อนจะนำรถเข้ามาตรวจสภาพกับกรมการขนส่งทางบกอีกครั้ง ส่วนพนักงานขับรถจะต้องมีใบอนุญาตขับรถตรงตามประเภท มีความพร้อมพักผ่อนเพียงพอ ลงบันทึกสมุดประจำรถ สารเสพติดต้องเป็นศูนย์ หากตรวจพบมีชั่วโมงการทำงานเกิน, ใช้สารเสพติด,มีปริมาณแอลกอฮอล์ ก็จะสั่งห้ามปฏิบัติหน้าที่ทันที พร้อมบังคับใช้กฎหมายลงโทษขั้นสูงสุด ทั้งเปรียบเทียบ พักใช้เพิกถอนใบอนุญาตขับรถและใบอนุญาตผู้ประกอบการขนส่ง
สำหรับมาตรการตรวจสอบความปลอดภัยระหว่างทางบนถนนสายหลักและสายรอง ตั้งจุดตรวจรถโดยสารและคนขับและเพิ่มจุดตรวจ Checkpoint รวม16 จังหวัด19แห่ง จัดหน่วยเคลื่อนที่ตรวจจับความเร็วรถโดยสาธารณะด้วยกล้องแสงเลเซอร์และเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมพฤติกรรมพนักงานขับรถผ่านระบบ GPS Tracking แบบReal-time ผ่านศูนย์GPS ส่วนกลางและส่วนภูมิภาค รวมถึงผ่านแอพพลิเคชั่นDLT GPS เพื่อติดตามรถโดยสาธารณะ ตรวจสอบความเร็ว ชั่วโมงการทำงาน รู้พิกัด รู้จุดจอด
ส่วนมาตรการดูแลประชาชนในช่วงเดินทางกลับหลังเทศกาลสงกรานต์ได้ ให้รถโดยสารบางส่วนเข้ามาส่งผู้โดยสารในพื้นที่กรมการขนส่งทางบก เพื่อแบ่งเบาภาระการจราจรติดขัดบริเวณหมอชิต พร้อมจัดเตรียมรถองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ(ขสมก.) รถแท็กซี่ คอยให้บริการ ซึ่งทุกคันจะมีเจ้าหน้าที่บริหารจัดการไม่ให้เกิดการเอารัดเอาเปรียบและปฏิเสธผู้โดยสาร สำหรับนอกพื้นที่กรมการขนส่งทางบก หากประชาชนพบว่ารถแท็กซี่กระทำผิดสามารถแจ้งทะเบียนรถมาได้ที่กรมการขนส่งทางบก ในช่องทางต่างๆเช่น แอพพลิเคชั่น Facebook LINE เว็บไซต์ หรือเบอร์โทร 1584ได้ตลอด24ชั่วโมง
ขณะที่ นายธานินทร์ สมบูรณ์ อธิบดีกรมทางหลวง กล่าวว่า ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ กรมทางหลวงได้จัดตั้งจุดให้บริการทั่วไทย 170 แห่ง จัดตั้งจุดพักรถโดยสารจำนวน 19 แห่ง จุดให้บริการตำรวจทางหลวง 200แห่ง และศูนย์ประสานงาน 125 ศูนย์ รวมทั้งสั่งการให้สำนักงานทางหลวง แขวงทางหลวง และหมวดทางหลวงในพื้นที่ทั่วประเทศให้บริการประชาชนผู้ใช้ทางตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งนี้กรมทางหลวง ได้เตรียมความพร้อมทั้งมาตรการ 777 ยกกำลัง 3 โดย 7วันก่อนเทศกาลจะมีการตรวจความพร้อมเส้นทางในการอำนวยความสะดวกและปลอดภัย ตั้งเต็นท์อำนวยการบริเวณพื้นที่ ติดตั้งป้ายประชาสัมพันธ์ ป้ายเตือน 7 วันระหว่างช่วงเทศกาล จะวิ่งตรวจเส้นทางและตั้งจุดเฝ้าระวังตลอดเส้นทาง ประสานตั้งจุดตรวจความเร็วและจุดวัดแอลกอฮอล์ และยังมีรถซ่อมบำรุงเคลื่อนที่ปฏิบัติงานบนทางหลวงสายหลักที่เดินทางไปยังภูมิภาคต่างๆ โดยจะให้บริการฟรี สำหรับ 7 วันหลังเทศกาลเป็นการปรับระดับการเฝ้าระวัง เพื่อเข้าสู่ภาวะปกติ เก็บข้อมูลและสรุปข้อมูล เพื่อประเมินผลและนำไปใช้ในปีถัดไป
ผู้สื่อข่าว: ธนดา เฉลิมวันเพ็ญ