นายกฯชวนร่วมงานเถลิงศกสุขสันต์มหาสงกรานต์ ย้ำไม่เกาะกระแสละครดัง

หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี  พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เชิญร่วมงาน  วันเถลิงศกสุขสันต์ มหาสงกรานต์ตำนานไทย ระหว่างวันที่ 6-8 เมษายน 2561 ตั้งแต่เวลา 14.00-21.00น. ณ.พระลานพระราชวังดุสิตและสนามเสือป่า เนื่องด้วยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้จัดงานเพื่อร่วมกันปลูกฝั่งความกตัญญูแด่ผู้มีพระคุณและอดีตพระมหาราช ส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมอันดีของชาติ

นายกรัฐมนตรี ยังระบุกรณีที่คณะผู้จัดและนักแสดงจากละครบุพเพสันนิวาสร่วมรณรงค์การผลิตละครและภาพยนต์ ที่เทิดทูนชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ว่าเป็นเรื่องที่กระแสสังคมกำลังให้ความสนใจ ยืนยันว่าการเข้าพบครั้งนี้ไม่ใช่การปลุกกระแสให้กับละครเรื่องดังกล่าว เป็นเพียงการให้กำลังใจกับคณะเท่านั้น โดยที่ผ่านมามีการจัดละครอิงประวัติศาสตร์อยู่มาก แต่ส่วนใหญ่เป็นการสู้รบ ซึ่งละครเรื่องนี้เป็นการถ่ายทอดให้เห็นถึงประเพณีและวัฒนธรรมในสมัยก่อน สร้างความสนใจดึงดูดตามความชอบของคนไทย  โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้ให้ความเห็นแก่ผู้จัดละคร ควรผลิตละครที่แสดงออกถึงหัตถศิลป์แต่ละประเภท ให้มีการแสดงวิวัฒนาการปรับเปลี่ยนมา เพื่อสร้างความสนใจ สร้างมูลค่า รวมไปถึงเชื่อมโยงการตลาดในต่างประเทศในการลงทุน  

ส่วนด้านการท่องเที่ยว พล.อ.ประยุทธ์ เน้นย้ำว่า ต้องทำให้เกิดการท่องเที่ยวหลายรูปแบบให้เพิ่มมูลค่า โดยรัฐบาลได้เพิ่มการท่องเที่ยวเมืองหลัก เมืองรอง อย่างการทำเส้นทางการท่องเที่ยวเช่นเส้นทางผ้าไหมไทย เส้นทางประมงไทย ซึ่งมีอยู่แล้วในต่างประเทศ

นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงโครงการไทยนิยมได้ลงพื้นที่ เพื่อสร้างความรับรู้ความเข้าใจไปแล้วกว่า 10 ล้านคน ดังนั้นจึงต้องไปถาม 10 ล้านคน ว่าเข้าใจโครงการดังกล่าวหรือไม่  และชอบนโยบายของโครงการนี้หรือไม่ เพราะโครงการนี้ไม่ใช่โครงการประชานิยม แต่เป็นโครงการที่ ประชาชนทุกคนจะต้องจับมือกันเพื่อร่วมแก้ไขปัญหาต่างๆ โดยจากการรับฟังเบื้องต้นได้ทราบถึงปัญหาและความต้องการของประชาชนแล้ว ส่วนใหญ่ร้อยละ 50 ประชาชนมีความต้องการสาธารณูปโภคพื้นฐาน เช่นเรื่องการทำถนนให้มีมาตรฐานใช้งานได้ตลอดปี ซึ่งจะต้องดูงบประมาณประจำปี 2560-2561 เพื่อปรับแผนใหม่ว่าสามารถปรับลดหรือเพิ่มอะไรได้บาง เพราะหากใช้งบประมาณของโครงการคงไม่เพียงพอ ส่วนที่สองร้อยละ 8 ประชาชนมีความต้องการสาธารณสุข ร้อยละ 10 เป็นเรื่องเกษตร และเรื่องอื่นๆ ซึ่งการแก้ไขปัญหาต่างๆจะต้องเป็นไปตามโครงสร้างของแผนงานในแต่ละปี ดังนั้นจะไม่สามารถแก้ได้โดยทันที

นายกรัฐมนตรียัง ขอสื่อมวลชนช่วยประชาสัมพันธ์ช่องทางการเชื่อมต่อสายตรงกับรัฐบาล ในการแสดงความคิดเห็น และข้อร้องเรียนต่างๆ โดยผ่านช่องทาง ศูนย์ดำรงธรรม ช่องทางคณะรัฐมนตรี และสายด่วนไทยนิยม 1111  ซึ่งการเปิดช่องเชื่อมต่อสายตรงให้ร้องเรียนร้องทุกข์ ร้องเรียนเรื่องทุจริต เป็นการแสดงให้เห็นถึงความจริงใจของรัฐบาล

ส่วนกรณีโครงการก่อสร้างบ้านพักและอาคารชุดของข้าราชการตุลาการ จ.เชียงใหม่ เชิงดอยสุเทพ  ว่า รัฐบาลกำลังหาทางออกในเรื่องนี้ โดยในชั้นต้นได้สั่งการให้หน่วยงานฝ่ายความมั่นคงพิจารณาแนวทางในการจัดการ และจะหารือร่วมกับศาลและคสช. และฝ่ายกฎหมายต่อไป ซึ่งโครงการดังกล่าวนั้นถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ประกอบด้วยสถานที่ทำงานซึ่งอยู่บริเวณด้านล่าง และส่วนบ้านพักกว่า 40 หลังบนพื้นที่ด้านบนเชิงดอยสุเทพ จะดำเนินการพิจารณาให้เหมาะสมในการดำเนินการต่อไป แต่อย่างไรก็ต้องปรับพื้นที่ให้คืนสู่สภาพเดิมให้ได้

สำหรับ เรือผู้อพยพชาวโรฮิงญา มุ่งหน้าไปที่ประเทศมาเลเซีย ได้จอดแวะหลบพายุที่เกาะลันตา จังหวัดกระบี่ นายกรัฐมนตรีระบุว่าอย่าให้เป็นประเด็น รัฐบาลก็ได้ดำเนินการไปตามหลักมนุษยธรรมและสิทธิมนุษยชนเป็นหลัก  พร้อมกับระบุว่ามีความมุ่งหวังทั้งต้นทางกลางทางและปลายทางอยู่แล้ว เนื่องจากมีผลกระทบกับหลายประเทศ