หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปรากฎตัวพร้อมนายทักษิณ ชินวัตร ที่ประเทศญี่ปุ่น เพื่อร่วมงานเปิดตัวหนังสือของ นายอิชิอิ ฮาจิเมะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกิจการภายในญี่ปุ่น จะเป็นเย้ยกฎหมายไทยหรือไม่ โดยนายกรัฐมนตรี ระบุว่าตนเองไม่ได้ถูกเย้ยอะไร เพราะกฎหมายไทยไม่สามารถใช้ที่ต่างประเทศได้ หากไม่ส่งตัวก็คือจบ อีกทั้งไทยก็ได้ประสานไปที่ต่างประเทศหมดแล้ว ส่วนเรื่องการเคลื่อนไหวก็ถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัว และประเทศปลายทางก็อนุมัติให้เป็นครั้งคราวไม่ได้ให้ตลอดไป ดังนั้นก็ไม่ต้องไปรู้สึกแทน แต่ทั้งคู่น่าจะละอายตนเองมากกว่า เพราะทำผิดกฎหมายแล้วยังมีหน้าออกไปข้างนอก
ส่วนกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่กล่าวว่า หากใครสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ ไม่ต้องมาที่พรรคประชาธิปัตย์ นายกรัฐมนตรีระบุว่า ขอให้พูดจาอย่างระมัดระวัง เพราะอยู่ที่ประชาชนจะเชื่อถือได้แค่ไหนอย่างไร เพราะตนเองไม่ได้หวังให้ทุกคนมาสนับสนุน และคนที่จะสนับสนุนตนเองก็ถือเป็นเรื่องส่วนตัว อีกทั้งการพูดจาเช่นนี้มันฟังดูดีและให้เกียรติกันหรือไม่ ซึ่งหากบางเวลาตนเองมีอารมณ์ขึ้นมาและพูดไปก็จะเสียหายหมด ซึ่งตนเองก็ไม่อยากให้เสียหาย ดังนั้นจึงขอให้ประชาชนใคร่ครวญและดูต่อไปในวันหน้า ว่าคนที่พูดจะทำตัวอย่างไร หลังเลือกตั้งแล้วจะเกิดอะไรขึ้น หรือเปลี่ยนท่าทีหรือไม่ แล้วค่อยไปถามนายอภิสิทธิ์อีกครั้
นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงการส่งร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ว่า ได้ประสานกันระหว่างฝ่ายกฎหมายของรัฐบาล และสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อให้เกิดความชัดเจน และไม่ให้เกิดความขัดแย้งในภายหลัง เพราะหลายคนได้แสดงความเป็นห่วง ซึ่งขณะนี้ สนช.ได้ส่งหนังสือมาแล้วว่ามีสมาชิกจำนวน 27 คน เข้าชื่อขอส่งร่างกฎหมายดังกล่าวให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ และกำลังอยู่ในขั้นตอนส่งเรื่องเข้าสู่ศาลรัฐธรรมนูญ ยืนยันว่าทุกฝ่านประสานงานกันอย่างใกล้ชิดเพื่อให้ไม่เกิดปัญหาและกระทบต่อโรดแมป
ส่วนความชัดเจนเรื่องการแก้ไขคำสั่งคสช. ที่ 53/2560 ที่หลายพรรคการเมืองทักท้วงว่าทำให้เกิดปัญหาในทางปฏิบัติ ว่า ขณะนี้กฤษฏีกา ได้ไปหารือ กับ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) เพื่อจะเสนอสนช.ในประเด็นข้อเสนอแนะต่าง ๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเรื่องประเด็นการดำเนินงานทางธุรการ โดยรัฐบาลและคสช. จะนำมาพิจารณาแก้ไขในส่วนนี้ เพื่อลดปัญหาติดขัดในการดำเนินงาน ของพรรคการเมืองทั้งพรรคเก่าและพรรคใหม่ แต่ยืนยันว่าจะไม่ยกเลิกคำสั่งดังกล่าวทั้งหมด