นายกวิศวกรรมฯชี้ต้นเพลิงอาคารย่านเพชรบุรีเป็นห้องเดินสายไฟชั้น5 ไม่มีดับเพลิงฉุกเฉิน

หลังเกิดเหตุเพลิงไหม้อาคารสูง15 ชั้นย่านถนนเพชรบุรีตัดใหม่ทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 คนและบาดเจ็บจำนวนมาก ดร.ธเนศ วีระศิริ นายกวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย พร้อมคณะผู้เชี่ยวชาญ ลงพื้นที่ตรวจสอบภายในที่เกิดเหตุเป็นอาคารสูง15ชั้น จากการตรวจสอบสันนิษฐานเบื้องต้นว่า ต้นเพลิงน่าจะอยู่บริเวณห้องเดินสายไฟ (ห้อง Sharp) ซึ่งอยู่บริเวณชั้น5 ก่อนจะลุกลามไปยังชั้น6และ7 ทำให้มีกลุ่มควันเป็นจำนวนมาก  จากการตรวจสอบโครงสร้างอาคารด้วยตาเปล่า ความเสียหายเกิดขึ้นช่วงพื้นผิวอาคาร ไม่ลึกเข้าไปถึงโครงสร้างที่เป็นเหล็ก ซึ่งจุดนี้เป็นจุดที่ทีมผู้เชี่ยวชาญจะตรวจสอบโดยละเอียดอีกครั้ง หลังจากนี้จะประสานกับผู้เกี่ยวข้องถึงมาตรการการติดตั้งจุดจ่ายน้ำดับเพลิงฉุกเฉิน (Sprinkle) เนื่องจากอาคารนี้เป็นอาคารเก่าและยังไม่มีการติดตั้ง sprinkle แต่อย่างใด

ด้าน นพ.พรเทพ แซ่เฮ้ง ผู้อำนวยการศูนย์บริการ การแพทย์ฉุกเฉินกรุงเทพมหานคร (ศ.เอราวัณ)  กล่าวว่า ผู้เสียชีวิตเป็น สรุปเป็นชายทั้งหมด 3 คน เป็นคนไทย 2 คน อีกคนพิสูจน์สัญชาติไม่ได้  โดยเสียชีวิตที่เกิดเหตุ 1คน และไปเสียชีวิตที่รพ.อีก2คน โดย1ในนั้น ไม่มีเอกสารยืนยันระบุตัวตน  เป็นชาย อายุ 40กว่าปี แต่มีนายจ้างติดต่อมาตามหาชาวต่างชาติ เวียดนาม พักอาศัยที่นี้และติดต่อยังไม่ได้ ซึ่งต้องรอนายจ้างมาดูที่รพ.เพื่อยืนยันว่าใช่หรือไม่ใช่ชาวเวียดนามที่กำลังตามหา 

ส่วนผู้บาดเจ็บ จำนวน 61 คน มีย้ายรพ.ไปบ้าง ส่วนใหญ่เป็นต่างชาติ มีคนไทยประมาณร้อยละ10  ส่วนใหญ่มาด้วยอาการ สำลักควัน  และเป็นผู้ใหญ่  ผอ.ศ.เอราวัณ ได้แนะนำสำหรับการปฐมพยาบาล เบื้่องต้น อาการสำลักควัน ต้องแยกผู้ประสบเหตุ กับผู้ที่เจอผู้ประสบเหตุ ออกจากกัน  ถ้าเป็นกรณีมีควัน ให้ใช้ผ้าชุบน้ำปิตดามประตู ปิตตามรอยประตู เพื่อให้ไม่ให้ควันเข้า  โดยอาการสำลักควันนั้น เริ่มจากในช่วงแรกยังสามารถหายใจได้ แต่เมื่อรับควันเข้าไปในระดับหนึ่งและเริ่มมีอาการสำลักควัน จะส่งผลให้กล่องเสียงบวม หลังจากนั้นสักประมาณ 20 นาทีก็จะเริ่มหายใจติดขัด และหายใจไม่ได้ เพราะตัวควันมีเขม่า มีความร้อนด้วย เข้าไปสะสมในร่างกายทำให้มีผลต่อระบบทางเดินหายใจ   ถึงแม้บางคน จะบอกว่าไม่มีรอยแผล ไฟไหม้แต่อวัยวะภายในได้รับผลกระทบจากเขม่าและความร้อนทำให้ได้รับบาดเจ็บถึงขั้นเสียชีวิตในที่สุด

เทพดล สิงห์โต- จส.100