ความคืบหน้าโครงการไทยนิยมยั่งยืน ที่จะมีการเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีรับทราบในวันนี้ เกี่ยวกับภาพรวมการลงพื้นที่ในรอบแรก
พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า มีการทำประชาคมในเวทีหลักกับประชาชนประมาณ 10 ล้านคน แบ่งส่วนการทำงานออกเป็น 3 กลุ่มตามงบประมาณที่กระทรวงการคลังได้จัดสรรไว้ให้ ยืนยันขณะนี้มีความคืบหน้าอย่างมาก โดยการลงพื้นที่จะสิ้นสุดภายในเดือนเมษายน และสำรวจความต้องการของประชาชนภายในเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน พร้อมเริ่มดำเนินการในเดือนสิงหาคมและกันยายน 2561 ส่วนผลสำรวจที่ออกมาว่าประชาชนส่วนใหญ่ยังไม่ทราบถึงแผนการดำเนินงานโครงการไทยนิยมยั่งยืน เชื่อว่าผลสำรวจที่ออกมาเป็นการสะท้อนความเป็นจริง และการรับรู้ของประชาชนในประเทศ แต่ไม่ขอวิจารณ์ว่าการทำสำรวจว่าตรงกลุ่มเป้าหมายหรือไม่ เพราะการลงพื้นที่ในแต่ละหมู่บ้าน เฉลี่ยแล้ว 100 คนต่อหมู่บ้านไม่นับรวม เด็ก คนชรา และบุคคลที่ออกไปทำงาน พร้อมยืนยันว่าโครงการไทยนิยมยั่งยืนมีการลงพื้นที่เพื่อแก้ไขปัญหาของประชาชนในพื้นที่และแก้ไขปัญหา การเกษตรการท่องเที่ยวที่ เชื่อมโยงกับสินค้าโอทอป โครงการกองทุนหมู่บ้าน และบัตรประชารัฐ เพื่อเร่งสร้างการพัฒนาตนเองของประชาชน ซึ่งไม่ได้คัดค้านการทำโพลแต่เป็นการสำรวจและสะท้อนของการรับรู้ของประชาชน ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าสนใจ
กรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปราม การทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ (ป.ป.ป.) ตรวจสอบพบการทุจริตในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 33 พื้นที่จัดซื้อรถขยะรถดูดโคลน ในราคา 17 ล้านบาท รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยกล่าวว่า เป็นเรื่องเก่าที่มีมานาน ซึ่งต้องดำเนินการตามกฎหมาย โดยไม่ละเว้น อย่างไรก็ตามการที่ตรวจสอบพบการทุจริตก็น่าจะดีใจว่าที่สามารถจับกุมผู้กระทำความผิดได้ ซึ่งต้องรับโทษตามกฎหมาย ทั้งทางอาญาและทางวินัย การพบทุจริตมากไม่ใช่เรื่องน่ากลุ้มใจ แต่หากมีการทุจริตแล้วตรวจไม่เจอจะเป็นสิ่งที่น่ากลุ้มใจมากกว่า พร้อมกล่าวทิ้งท้ายว่า หากดูให้ลึก ใครเป็นผู้เลือกท้องถิ่นให้ไปถามประชาชนดู และเลือกเข้ามาอย่างไร ก็อย่าเลือกแบบนั้นอีก
...
ผสข.เกตุกนก ครองคุ้ม