ประเทศไทยกำลังเข้าสู่ช่วงฤดูแล้ง ทางกรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มีการเฝ้าระวัง การป้องกัน และแก้ไขสถานการณ์ นายทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ระบุว่า การประเมินสถานการณ์จะต้องเฝ้าระวังใน 2 พื้นที่ คือ พื้นที่เขตชลประทานที่มีน้ำต้นทุนจากเขื่อนขนาดใหญ่ ขนาดกลาง และขนาดเล็กโดยขณะนี้จากการประเมินสถานการณ์พบว่าทั้งประเทศใช้น้ำไปร้อยละ 82 และจากวันนี้จนถึงสิ้นเดือนเมษายนจะมีการใช้น้ำ 3,831 ล้านลูกบาศก์เมตรและคาดว่าจะเหลือน้ำ 4,387 ล้านลูกบาศก์เมตร ยืนยันว่า หากฝนมาช้ากว่าที่กำหนด จะมีน้ำเพียงพอใช้จนถึงสิ้นเดือนกรกฎาคมแน่นอน ส่วนพื้นที่น้ำนอกเขตชลประทาน จะมีพื้นที่เฝ้าระวัง 23 จังหวัด 74 อำเภอ ที่ผ่านมามีฝนตกทำให้สถานการณ์ดีขึ้นยกเว้นในอำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย ที่ไม่มีฝนตกลงมา อย่างไรก็ตามมีพื้นที่เฝ้าระวังเป็นพิเศษคืออำเภอท่าตะโกจังหวัดนครสวรรค์ที่คาดว่าจะเกิดภัยแล้งมากที่สุด
สำหรับการเตรียมมาตรการเฝ้าระวังทางกรมชลประทานเตรียมเครื่องสูบน้ำจำนวน 1702 เครื่องซึ่งขณะนี้มีพื้นที่ดำเนินการขอไปใช้แล้ว 190 เครื่องขณะเดียวกันได้ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะในเรื่องการใช้น้ำ
สำหรับการเตรียมน้ำในช่วงเทศกาลสงกรานต์ นายทองเปลว ระบุว่า กรมชลประทานจัดเตรียมน้ำไว้พร้อมแล้ว แม้ว่าปีนี้จะมีปริมาณน้ำมากกว่าปีที่ผ่านมา แต่ขอให้ประชาชนช่วยกันประหยัดน้ำด้วย
ส่วนความคืบหน้าการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีสั่งย้ายผู้อำนวยการโครงการชลประทานนครราชสีมา พร้อมเจ้าหน้าที่ 2 ราย ที่คาดว่าทุจริตขุดลอกโครงการแก้มลิง และการสอบข้อเท็จจริง แรงงานผีที่จังหวัดนครศรีธรรมราช นายทองเปลว กล่าวว่า ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการสอบสวนข้อเท็จจริงยังไม่สามารถสรุปผลได้ต้องรอให้ครบ 30 วันก่อน โดยกระบวนการทำงานหลังกรมชลประทานได้รับเรื่องร้องเรียนผ่านองค์กรต่างๆ จะมีการสืบสวนข้อเท็จจริง หากพบว่ามีมูลความผิด จะตั้งคณะกรรมการสอบสวน เพื่อหาพฤติการณ์ความผิด และพิจารณาโทษทางวินัย และหากไม่มีมูล จะยุติการดำเนินการ อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมกับข้าราชการและให้ข้อเท็จจริงกับผู้ร้องเรียนแน่นอน
...
ผสข.ปภาดา พูลสุข