ผบช.ก.ยืนยันคดีสลากฯ 30 ล้านบาท ไม่มีชักจูง โน้มน้าว ข่มขู่ หรือ กดดันใคร

การประชุมสรุปสำนวนคดีสลากกินแบ่งรัฐบาล30ล้านบาท โดยพลตำรวจตรีชวลิต แสวงพืชน์ รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางเป็นประธานการประชุม พร้อมด้วยพลตำรวจตรีไมตรี ฉิมเฉิด ผู้บังคับการกองปราบปราม และคณะพนักงานสอบสวนชุคลี่คลายคดี  หลังประชุมกว่า 2 ชั่วโมงครึ่ง ผู้บังคับการกองปราบปรามพร้อมคณะเดินทางกลับ โดยไม่ให้สัมภาษณ์  แต่มีรายงานจากคณะพนักงานสอบสวนว่า วันนี้เป็นการประชุมสรุปสำนวน 3 คดี แบ่งเป็น คดีที่นายปรีชา ใคร่ครวญ แจ้งความร.ต.ท.จรูญ วิมูลในข้อหายักยอกทรัพย์ ,คดีที่ร.ต.ท.จรูญ แจ้งความนายปรีชาในข้อหาแจ้งความเท็จเป็นเหตุให้ผู้อื่นรับโทษทางอาญา และคดีที่กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ(ปปป.)ดำเนินคดีกับพลตำรวจตรีสุทธิ พวงพิกุล อดีตผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี ในข้อหาเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ตามมาตรา157 ซึ่งสำนวนที่ดำเนินคดีกับผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรีนั้น ถือว่าเสร็จสมบูรณ์แล้วสามารถสรุปสำนวนส่งปปช.ได้ภายในวันที่30มีนาคม ส่วนอีก 2 สำนวนนั้น อยู่ระหว่างให้คณะทำงานตรวจสอบสำนวนโดยละเอียดว่ายังขาดส่วนใดหรือไม่ และเตรียมส่งสำนวนให้อัยการภายในสัปดาห์หน้า

ด้านพลตำรวจโทฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กล่าวว่า  การดำเนินคดีกับพลตำรวจตรีสุทธิ ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการดำเนินการเพื่อส่งเรื่องให้ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ซึ่งต้องรอให้ทางป.ป.ช.พิจารณาว่าจะดำเนินการเองหรือไม่  สำหรับสำนวนคดีใกล้สรุปเสร็จสิ้นแล้ว พร้อมปฏิเสธไม่เคยระบุว่า จะไม่ให้ราคากับกลุ่มที่เดินทางร้องเรียนถึงการทำงานของตนเองและชุดทำงาน แต่ยอมรับว่า เป็นที่น่าห่วงเพราะมีหลายคนเข้ามาเกี่ยวข้องโดยไม่รู้กฎหมาย  ในส่วนของคดี ตำรวจให้ความสำคัญกับละครเพียง 3 คน เท่านั้น คือ นายปรีชา นางรัตนาพร และนางสาวพัชริดา พรหมตา หรือเจ๊พัช ไม่ใช่คนที่เป็นญาติ หรือกองเชียร์  ยืนยันคดีนี้ไม่มีการชักจูง โน้มน้าว หรือข่มขู่ กดดันใคร