หลังจ่าสิบตำรวจเลอศักดิ์ นนท์ขุนทด ผู้บังคับหมู่สืบสวน สน.พหลโยธิน ไปยื่นหนังสือต่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจิตในภาครัฐ (ปปท.)กรณีมีผู้บังคับบัญชา2นาย ขอหักเงินเบี้ยเลี้ยงตำรวจชั้นผู้น้อย เพื่อนำไปจัดซื้อเครื่องปรับอากาศและติดตั้งในห้องสืบสวน สน.พหลโยธิน
พลตำรวจเอกจักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ได้มอบหมายผู้บัญชาตำรวจนครบาล และ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 พิจารณาความเหมาะสมในเรื่องนี้แล้ว ส่วนตัวมองว่า หากเป็นการขอความร่วมมือในลักษณะเร่งด่วนก็ต้องดูการสมัครใจ และเจตนา และมองว่าควรที่จะไปร้องเรียนกับทางผู้บังคับบัญชาในสายงานตัวเองตามลำดับชั้น เพราะเป็นเรื่องภายใน ไม่ควรนำไปร้องเรียนหน่วยงานอื่น อย่างไรก็ตาม สั่งการให้ระดับผู้บังคับการเข้ามาดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างใกล้ชิด เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นอีก ทั้งนี้การปฏิรูปตำรวจก็มีการจัดสรรงบประมาณซ่อมบำรุงอยู่แล้ว แต่ก็อยากวางแนวทางให้เหมือนกับนายทหารที่เมื่อมีคำสั่งย้ายก็ให้ย้ายไปแต่ตัว
สำหรับกรณีที่มีคำสั่งย้ายตำรวจ 13 นายและ พลเรือน 1 นาย ที่เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ในหลายพื้นที่ทั่วประเทศนั้น ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า การสั่งให้โยกย้ายดังกล่าวก็เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง ส่วนจะเอาผิดทางวินัยหรือไม่ อยู่ในการพิจารณา ซึ่งส่วนใหญ่นายตำรวจก็ยังคงทำงานในราชการอยู่
สำหรับคำพิพากษาประหารชีวติ นายซูริก์ฟัต บ้านนพวงศ์สกุล หรือ บังฟัต พร้อมพวกรวม 6 คน และสั่งจำคุกผู้ต้องหาในคดีอีก2คน ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า การพิพากษาเป็นไปตามที่คาดไว้ ซึ่งตอนที่ลงพื้นที่คลี่คลายคดีด้วยตัวเองก็มั่นใจในทีมงานและพยานหลักฐานอยู่แล้ว และไม่คิดว่าจะมีผู้ต้องหารายอื่นอีกนอกจาก8คนนี้ ส่วนนายซิริก์ฟัตจะยื่นอุธรณ์หรือไม่ ก็เป็นสิทธิของผู้ต้องหา