ภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าวและการบริหารจัดการข้าว(นบข.) โดยมีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมนางนันทวัลย์ ศกุนตนาค ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า คณะกรรมการตลาดและการผลิตข้าวครบวงจร ประชุมกับผู้เกี่ยวข้องทั้งเกษตรกรและการส่งออก ข้อสรุปว่า ความต้องการในตลาดข้าวปี 2561-2562 อยู่ที่ 30.525 ล้านตัน ซึ่งถือว่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.45 จากปีที่ผ่านมา โดยเป็นข้าวเพื่อการส่งออก จำนวน 14.69 ล้านตันข้าวเปลือก แบ่งเป็นเพื่อการบริโภค 12 ล้านตัน เพื่อใช้ในอุตสาหกรรม 2.4 ล้านตัน และใช้เพื่อทำเมล็ดพันธุ์ 1.9 ล้านตัน ซึ่งได้มีการแยกชนิดของข้าวตามความต้องการของตลาดเพื่อให้เกิดความสอดคล้องในเรื่องของการผลิต ส่วนมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรและรักษาเสถียรภาพราคาข้าวในปี 2561 ถึงปี 2562 ที่ประชุมได้พิจารณาแผนดำเนินการในส่วนของแผนการตลาดและการผลิต กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะดำเนินการจัดทำแผนภายใต้แผนผลิตและการตลาดแบบครบวงจร เช่น การส่งเสริมระบบนาแปลงใหญ่ ส่งเสริมการผลิตข้าวอินทรีย์ โดยกำหนดเป้าหมายไว้ที่ 600,000 ไร่ รวมถึงส่งเสริมข้าวหอมมะลิคุณภาพชั้นเลิศ
นอกจากนี้ ที่ประชุมเห็นว่ามาตรการด้านการตลาดในปีที่ผ่านมาได้ผล ราคาข้าวหอมมะลิค่อนข้างสูงมาก จึงต้องการคงมาตรฐานเดิม โดยการดึงข้าวออกจากตลาด ช่วยเหลือเกษตรกรในภาพรวม ทั้งค่าเก็บเกี่ยว การค่าปรับปรุงคุณภาพข้าว การชะลอการขายข้าว โดยให้นำข้าวขึ้นยุ้งไว้ก่อน การให้สินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวโดยสถาบันการเกษตรและโครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวและโรงสี รวมถึง ยังเห็นชอบให้เพิ่มสินเชื่อยุ้งฉาง ทั้งเกษตรกรรายบุคคล และให้สินเชื่อเงินกู้ดอกเบี้ยพิเศษ การสร้างยุ้งฉาง
ที่ประชุม กล่าวถึง ความคืบหน้าในการระบายข้าวในสต๊อกว่า ที่ประชุมได้ให้ระบายข้าวกลุ่ม 1 ที่เหลืออยู่ 44,000 ตัน ในเดือนเมษาถึงพฤษภาคมนี้ ส่วนกลุ่มที่2และ3 จำนวน 2 ล้านตัน อยู่ระหว่างตรวจสอบเพื่อระบายต่อไป ที่ประชุมมีการอนุมัติให้ตั้งคณะอนุกรรมการพิจารณามาตรการการตลาดและการผลิตข้าวอินทรีย์ เพื่อมุ่งเน้นการพัฒนาข้าวที่มีคุณภาพสูง ซึ่งขณะนี้ราคาข้าวหอมมะลิราคาอยู่ที่ตันละ 44,500-45,000 บาท ส่วนข้าวเปลือกเจ้า 7,500-8,000 บาท ส่วนข้าวเหนียวอยู่ที่9,000-13,000 บาท
ผู้สื่อข่าว: ปิยะธิดา เพชรดี