ขนส่งทางบก ถอดป้ายทะเบียนรถแท็กซี่ปลอมเอกสาร เอารถหมดอายุมาวิ่ง

28 มีนาคม 2561, 13:52น.


กรมการขนส่งทางบก ลงพื้นที่ตรวจรถแท็กซี่ที่กระทำผิดกฎหมาย ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริเวณอาคารผู้โดยสารขาออก ชั้น 4 ประตู 10 นายสมยศ แดงรุ่งเรือง เจ้าพนักงานขนส่งชำนาญงาน  หัวหน้าชุดตรวจการ 12 กรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า วันนี้เจ้าหน้าที่ ได้เน้นตรวจรถแท็กซี่สาธารณะ เช่นการนำรถเข้าเช็คระยะตามรอบที่กำหนด การตรวจรอบมิเตอร์ ที่รถแท็กซี่โดยสารอายุไม่เกิน 7 ปี ต้องนำรถเข้าตรวจทุก 6 เดือน แต่หากรถแท็กซี่โดยสารที่มีอายุเกิน 7 ปีจะต้องนำรถเข้าตรวจทุก 4 เดือน การต่อใบอนุญาต การชำระภาษี  การนำรถที่หมดอายุการใช้งานมาให้บริการ และด้านอื่น ๆ เรื่องความปลอดภัยของตัวรถ โดยเจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบโดยข้อมูลทะเบียนรถเข้าสู่ระบบฐานข้อมูลของกรมการขนส่งทางบก ซึ่งมีความแม่นยำและอัพเดต เพื่อตรวจเช็ค โดยระบบดังกล่าว สามารถตรวจเช็คได้ทั้งวันจดทะเบียนรถ วันสิ้นอายุภาษี วันเข้าตรวจรอบมิเตอร์และนำรถเข้าตรวจครั้งล่าสุดเมื่อใดซึ่งจะสามารถตรวจสอบข้อมูลได้อย่างละเอียดและถูกต้อง



ซึ่งจากการลงพื้นที่ในวันนี้พบผู้กระทำผิด 6 ราย ส่วนของรถบัสโดยสารสาธารณะ ในเรื่องการเสียภาษีอีก 1 ราย และแท็กซี่ที่กระทำผิด 5 ราย ได้แก่ ไม่ตรวจรอบมิเตอร์ 1 ราย ใช้รถที่ยังไม่จดทะเบียน 3 รายไม่แสดงใบอนุญาต 1 ราย โดยเจ้าหน้าที่ได้ทำการปรับตามกฎหมาย นอกจากนี้ ยังพบแท็กซี่ที่นำรถที่หมดอายุมาใช้ 1 ราย ด้วย ซึ่งในกรณีที่มีการนำรถหมดอายุมาใช้ พบว่า แท็กซี่คันดังกล่าวได้มีการปลอมใบเครื่องหมายผ่านการตรวจสภาพรถแท็กซี่ ตรวจรอบมิเตอร์ มาแปะแสดงไว้หน้ารถด้วย โดยรถดังกล่าวจากเดิมหมดอายุในช่วงเดือน ธ.ค  2560 แต่ปลอมเอกสารเป็นหมดอายุ เดือนเม.ย. 2561 เจ้าหน้าที่ จึงได้ทำการถอดป้ายทะเบียนรถแท็กซี่คันดังกล่าว แล้วให้ไปดำเนินการเปลี่ยนแปลงเป็นรถยนต์ส่วนบุคคลไม่สามารถมาให้บริการสาธารณะได้





นายสมยศ กล่าวถึง การดำเนินงานของกรมการขนส่งทางบก ในการตรวจตรารถโดยสารสาธารณะช่วงเทศกาลสงกรานต์ ว่า ได้เน้นเรื่องความปลอดภัยของรถ และความพร้อมของพนักงานขับรถโดยสารสาธารณะ ห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยในส่วนของรถแท็กซี่ จะเน้นหนักในเรื่องความพร้อมของรถ และการนำรถที่หมดอายุมาให้บริการผู้โดยสาร เพราะหากเกิดปัญหาจะตามรถที่ทำผิดยาก และขณะนี้ เป็นช่วงวงรอบที่มีรถหมดอายุพร้อมกันจำนวนมาก ซึ่งเมื่อตรวจพบ เจ้าหน้าที่จะถอดป้ายทะเบียนและให้ไปดำเนินการเปลี่ยนเป็นรถส่วนบุคคล เพื่อลดจำนวนแท็กซี่ที่หมดสภาพออกไป และให้รถแท็กซี่ใหม่เข้ามาทดแทน





ในส่วนของรถตู้และรถบัสโดยสารสาธารณะ เจ้าหน้าที่กรมการขนส่งทางบก จะตั้งจุดวัดแอลกอฮอล์ที่สถานีบริการรถยนต์ทุกสถานีซึ่งหากพบว่าคนขับมีปริมาณแอลกอฮอล์ที่เกินกว่ากำหนดจะไม่สามารถออกรถโดยสารได้ ขณะเดียวกัน ได้ร่วมมือกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ร่วมตรวจสารเสพติดอีกด้วย



ขณะเดียวกัน ก็มีเจ้าหน้าที่ ตั้งจุดตรวจระหว่างทางในตลอดเส้นทาง ส่วนเรื่องอัตราความเร็ว รถโดยสารสาธารณะที่วิ่งข้ามจังหวัดที่ขึ้นทะเบียนกับกรมขนส่งทางบก ได้ทำการติด GPS ซึ่งหากความเร็วเกินกว่ากำหนดขึ้นแสดงในพื้นที่ใด เจ้าหน้าที่ในพื้นที่นั้นๆ สามารถทำการปรับได้ทันที นอกจากนี้ สำหรับรถโดยสารที่ให้บริการระยะไกลจะต้องมีอย่างน้อยคนขับสองคน ผลัดเปลี่ยนกัน ป้องกันอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจากการอ่อนเพลียของผู้ขับขี่รถอีกด้วย



ผู้สื่อข่าว: ปิยะธิดา เพชรดี



 

ข่าวทั้งหมด

X