การชี้แจงกับพรรคการเมืองถึงแนวทางการดำเนินการของพรรคการเมืองเก่าหลังวันที่ 1 เมษายนนี้ นายศุภชัย สมเจริญ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) เปิดเผยว่า กกต.จะเสนอคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ให้แก้ไขคำสั่งที่ 53/2560 เพราะจากที่คุยกับหลายพรรคในเบื้องต้น พบปัญหาว่าคำสั่งบางอย่างของคสช.มีการขัดกันและไม่ชัดเจน อีกทั้งยังมีปัญหาในทางปฏิบัติหลายอย่าง เช่น การหาสมาชิกพรรค, การจัดประชุมใหญ่, การเสียค่าบำรุงพรรค เป็นต้น ช่วงบ่ายนี้ จะคุยต่อกับพรรคการเมือง ทั้งนี้ในเรื่องการเสียค่าบำรุงพรรคของสมาชิกพรรค ส่วนตัวมองว่าเป็นเรื่องภายในของพรรคที่ต้องทำตามกฎหมาย เมื่อทำเสร็จแล้วก็ต้องแจ้งผลให้กกต.รับทราบและตรวจสอบได้ ส่วนหลังวันที่ 1 เมษายน ยืนยันว่าพรรคการเมืองเก่าสามารถจัดหาสมาชิกพรรคเพิ่มได้ แต่การประชุมกรรมการบริหารพรรคยังประชุมไม่ได้ ถ้าจะทำต้องขออนุญาตจากคสช.ผ่านกกต.ก่อนเท่านั้น
สำหรับปัญหาและข้อเสนอแนะทั้งหมดจากพรรคการเมืองในวันนี้ กกต.จะรวบรวมไปพร้อมกับข้อเสนอของกกต.ส่งไปให้คสช.พิจารณาแก้ไขคำสั่งดังกล่าว โดยจะเร่งส่งคสช.ให้เร็วที่สุด คาดว่าอาจไม่เกินวันศุกร์นี้ ส่วนคสช.จะพิจารณาแก้ไขคำสั่งหรือไม่ แล้วจะแก้ก่อนวันที่ 1 เมษายนหรือจะแก้ในช่วงใดถือเป็นดุลยพินิจของคสช. กกต.ไม่ขอให้ความเห็น แต่มองว่าขณะนี้มีสัญญาณบวกที่จะแก้คำสั่ง ส่วนในประเด็นที่เกี่ยวกับกฎหมายลูก แล้วกกต.มีสิทธิจัดการตามหน้าที่ กกต.ก็จะทำ แต่ถ้ากกต.ไม่มีสิทธิจัดการ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหรือคสช.ก็ต้องเป็นคนทำแทน
ส่วนร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. ที่อาจจะมีการส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความ ส่วนตัวไม่ขอให้ความเห็นและไม่ทราบว่าจะส่งตีความหรือไม่ ส่วนถ้าส่งตีความแล้วจะกระทบกับโรดแม็ปหรือไม่ มองว่า ขึ้นกับศาลรัฐธรรมนูญว่าจะใช้เวลาวินิจฉัยเท่าใด แล้วจะวินิจฉัยว่าอย่างไร กกต.ยังมั่นใจว่าสองประเด็นในร่างนี้ที่เกี่ยวกับเรื่องการตัดสิทธิผู้ไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งและการช่วยผู้พิการลงคะแนนเสียงจะไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ และจะไม่ทำให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ เพราะการให้มีผู้ช่วยผู้พิการลงคะแนนเสียงถือเป็นการอำนวยความสะดวกประชาชน และยังเป็นการลงคะแนนโดยตรงและลับตามรัฐธรรมนูญอยู่
ขณะที่กรณีนายสมชัย ศรีสุทธิยากร ถูกมาตรา 44 ปลดพ้นจากการเป็นกกต.จะส่งผลต่อการทำงานของกกต.ที่เหลือหรือไม่ มองว่า พ.ร.ป.กกต.ฉบับใหม่ไม่ได้ให้อำนาจกกต.ดูแลทั้งหมดแล้ว โดยมีสำนักงานมาจัดการแทน ซึ่งกกต.ทำได้แค่ให้นโยบายไป ถ้ามีปัญหาก็ไปดูแลในภาพกว้างเท่านั้น ยืนยันว่ากกต.ก็ไม่มีความกังวลอะไรในเรื่องนายสมชัย และทำงานไปตามที่กฎหมายให้อำนาจเท่านั้น
ผู้สื่อข่าว: ธีรวัฒน์ สิทธิเกรียงไกร