ครอบครัวของนายสตีเว่น ซอตลอฟฟ์ ผู้สื่อข่าวชาวอเมริกัน ที่ถูกกลุ่มไอเอสสังหาร กล่าวแสดงความเห็นเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่กลุ่มไอเอสเผยแพร่วิดีโอสังหารและตัดศีรษะ นายบารัค บาร์ฟี โฆษกครอบครัว กล่าวว่า นายซอตลอฟฟ์สละชีวิตเพื่อรายงานชีวิตของประชาชนในเขตสงครามที่ต้องประสบความทุกข์ยาก ไม่ได้มุ่งหวังการเป็นวีรบุรุษ หากแต่ต้องการเป็นเสียงให้กับผู้อื่นเท่านั้น ทั้งอ้างถึงรายงานที่นายซอตลอฟฟ์นำเสนอ อาทิ เรื่องของแพทย์ชาวลิเบียในมิสราต้า ที่ให้ความช่วยเหลือเด็กๆ ในภาวะสงคราม จนถึงชาวซีเรียที่ต้องเสี่ยงชีวิตเพื่อมาเข้ารับการรักษาทางการแพทย์ในอีกดินแดนหนึ่ง และกล่าวด้วยว่า แม้ในวันนี้ทุกคนจะเสียใจแต่ก็จะกลับมาเข้มแข็งขึ้นอีกครั้ง และจะไม่ยอมให้ศัตรูโจมตีเราด้วยความหวาดกลัวอีกต่อไป นอกจากนี้ครอบครัวซอตลอฟฟ์ ยังกล่าวสวดมนต์ภาวนาให้แก่ครอบครัวของนายโฟลีย์ ว่า แม้ทั้ง 2 คนจะถูกคุมขัง แต่คนร้ายก็ไม่สามารถทำลายพวกเขาได้ และเขาคือแรงใจของผู้ที่ถูกคุมขังคนอื่น
คำแถลงนี้ยังมีขึ้น หลังจากที่ ประธานาธิบดีบารัค โอบาม่า แห่งสหรัฐกล่าวว่า สหรัฐอเมริกา ไม่กลัวกลุ่มไอเอส ทั้งจะมีความเข้มแข็งมากขึ้น เพื่อกำจัดผู้ที่ก่อเหตุร้าย อย่างไรก็ตาม เขายอมรับว่า การกระทำของไอเอส เป็นพฤติกรรมรุนแรงเพื่อมุ่งหวังให้ทุกคนหวาดกลัว แต่การสังหารผู้บริสุทธิ์กลับจะทำให้ไอเอสเป็นที่น่ารังเกียจ และจะไม่มีวันยอมจำนนต่อคำขู่ และ ยุทธศาสตร์ของสหรัฐฯ ในเวลานี้ คือการทำให้แน่ใจว่า กลุ่มไอเอส จะไม่เป็นภัยคุกคามในภูมิภาคตะวันออกกลางอีกต่อไป โดยให้ส่งทหารอีก 350 นายยังกรุงแบกแดดของประเทศอิรัก ประตูนรก
ซึ่งนายฟิลิป แฮมมอนด์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศแห่งสหราชอาณาจักร เชื่อว่าชายคนนี้เป็นคนเดียวกับชายในคลิปวีดีโอการฆ่าตัดคอนายเจมส์ โฟลีย์ นักข่าวอเมริกันอีกคน เพราะพูดสำเนียงอังกฤษเหมือนกัน
ด้านนายโจ ไบเดน รองประธานาธิบดีสหรัฐ กล่าวว่า สหรัฐจะตามผู้ที่สังหารนายซอตลอฟฟ์ และนายเจมส์ โฟลีย์ ผู้สื่อข่าวชาวอเมริกัน ไปจนถึงประตูนรก
...F163...