สหรัฐฯ มีบทบาทการส่งออกน้ำมันดิบในตลาดโลกมากขึ้น

สื่อมวลชนต่างประเทศรายงานว่า สหรัฐฯ กำลังเป็นผู้ส่งออกน้ำมันดิบรายใหญ่ของโลก เนื่องจากปัจจุบันสามารถผลิตน้ำมันดิบได้วันละมากกว่า 10 ล้านบาร์เรล กลายเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่อันดับ 2 ของโลก รองจากรัสเซีย และแซงหน้าซาอุดีอาระเบียแล้ว อันเป็นผลมาจากการพัฒนาการผลิตน้ำมันดิบจากชั้นหินดินดานเมื่อหลายปีก่อน ประกอบกับการใช้เทคนิคในการผลิตและขุดเจาะใหม่ ๆ บริษัทพลังงานสามารถส่งออกน้ำมันไปยัง 37 ประเทศเมื่อปีที่แล้วได้ 1 ล้าน 1 แสนบาร์เรลต่อวัน ตลาดนำเข้าน้ำมันรายใหญ่ของสหรัฐฯ ได้แก่ แคนาดาและจีน อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงบทบาทจากประเทศผู้นำเข้าน้ำมันดิบรายใหญ่ของโลกมาเป็นประเทศผู้ส่งออกช่วงชิงส่วนแบ่งในตลาดน้ำมันโลกทำให้สหรัฐฯ ต้องเปลี่ยนแปลงโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน เช่น การเพิ่มท่อส่งน้ำมันในประเทศ และการส่งออกน้ำมันไปยังตลาดต่างประเทศ โดยคาดว่า รัฐเทกซัสจะมีบทบาทการส่งออกน้ำมันดิบมากขึ้น และวางแผนโครงการขยายท่าเรือมูลค่า 327 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ผู้เชี่ยวชาญมองว่า การส่งออกน้ำมันของสหรัฐฯ สามารถเพิ่มสูงได้อีก 4-5 ล้านบาร์เรลต่อวันในห้วงระยะกลาง แต่ในระยะยาว ภาพรวมมีแนวโน้มไม่สดใส ส่วนหนึ่งเป็นเพราะโรงกลั่นใหม่ ๆ ที่กำลังเกิดขึ้นในตะวันออกกลางและแอฟริกา อย่างไรก็ดี ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มีแนวคิดว่า ในยุคทองด้านพลังงานของอเมริกา ไม่ได้หมายความเพียงลดบทบาทการนำเข้า แต่ต้องสามารถยึดครองส่วนแบ่งในตลาดโลกได้ด้วย

....

(1245 F171)