สหรัฐฯ ระบุชัดเจน รัสเซียอยู่เบื้องหลังเจาะระบบควบคุมโครงสร้างพื้นฐาน เกือบ 3 ปี

17 มีนาคม 2561, 08:53น.


เจ้าหน้าที่สอบสวนความมั่นคงทางไซเบอร์ของสหรัฐฯ เปิดเผยว่า รัฐบาลรัสเซีย อยู่เบื้องหลังความพยายามเจาะระบบควบคุมโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญยิ่งของสหรัฐฯ เช่น โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ และระบบจ่ายน้ำประปา โดยอ้างรายงานที่เผยแพร่โดยกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิสหรัฐฯ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ระบุชัดเป็นครั้งแรกว่า รัฐบาลรัสเซีย อยู่เบื้องหลัง โดยเป็นผู้สั่งการแฮคเกอร์ทำลายหรือปิดโรงงานพลังงานและสาธารณูปโภคทั่วสหรัฐฯ มาเป็นเวลาเกือบ 3 ปีแล้ว นับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2559 เป็นอย่างน้อย โดยมุ่งเป้าหมายไปที่โครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของสหรัฐฯ หรือมีความเกี่ยวข้องกับรัฐบาล อาทิ โครงสร้างพื้นฐานทางด้านพลังงาน นิวเคลียร์ สิ่งอำนวยความสะดวกเชิงพาณิชย์ น้ำประปา การบิน และภาคการผลิตที่สำคัญ โดยกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิได้ร่วมกับสำนักงานสืบสวนกลางของสหรัฐฯ หรือ FBI ระบุตรงกันว่า แฮคเกอร์รัสเซียได้มุ่งเป้าไปที่คน 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มผู้ประกอบการโครงสร้างพื้นฐานและอุปกรณ์ต่อพ่วงกับคอมพิวเตอร์ ครอบคลุมบริษัทที่ 3 ซึ่งจัดหาการบริการและสนับสนุนเป้าหมายสำคัญ ซึ่งมีเครือข่ายระบบรักษาความปลอดภัยไม่คุมเข้ม



กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิสหรัฐฯ ระบุว่า แฮคเกอร์รัสเซีย สามารถเฝ้าจับตาดูการสื่อสาร พฤติกรรมระบบควบคุมโครงสร้างพื้นฐานของสหรัฐฯ ติดตั้งซอฟต์แวร์ของตนเอง รวบรวมเอกสารสำคัญ และสร้างบัญชีผู้ดูแลระบบได้ ทั้งนี้ รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ออกประกาศเตือนผู้ประกอบการให้ระวังชาวต่างชาติเจาะระบบโครงสร้างพื้นฐานสหรัฐฯ มาตั้งแต่ปี 2559 แล้ว และก่อนหน้านี้ ทำเนียบขาวยังได้เผยแพร่รายงานความเสียหายที่เกิดจากการตกเป็นเป้าหมายการโจมตีทางไซเบอร์เมื่อปี 2559 คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 57,000-109,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และเตือนว่า เศรษฐกิจจะได้รับความเสียหาย หากสถานการณ์เลวร้ายลงอีก โดยรายงานได้ชี้ว่า ประเทศที่อยู่เบื้องหลังการโจมตีไซเบอร์ส่วนใหญ่ ได้แก่ รัสเซีย จีน อิหร่าน และเกาหลีเหนือ โดยล่าสุดเมื่อวันพฤหัสบดี รัฐบาลสหรัฐฯ เพิ่งประกาศมาตรการคว่ำบาตรหน่วยข่าวกรองของรัสเซียและกลุ่มบุคคลหลายสิบคน ซึ่งก้าวก่ายการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อปี 2559 และโจมตีสหรัฐฯ ทางไซเบอร์



ทีมต่างประเทศ



CR:AFP,www.businesstimes.com.



 

ข่าวทั้งหมด

X