องค์การแพทย์ไร้พรมแดน นำเสนอรายงานว่า การที่นานาประเทศ ไม่มีการตอบสนองที่เพียงพอทำให้การควบคุมเชื้อไวรัสอีโบลาไม่ได้ผล ทั้งตำหนิผู้นำประเทศต่างๆ ที่ไม่ได้ให้ความช่วยเหลือประเทศแอฟริกาตะวันตก จนกระทั่งผู้ติดเชื้อเดินทางไปยังประเทศของตน ก็มุ่งเน้นปกป้องพลเมืองของตนเท่านั้น
ทั้งนี้เชื้อไวรัสอีโบลามีจุดเริ่มต้นที่กินีเมื่อต้นปีนี้ จากนั้นก็ระบาดไปหลายประเทศใกล้เคียง และทำให้มีผู้เสียชีวิตไปมากกว่า 1,500 ศพแล้ว แต่มีผู้ติดเชื้ออย่างน้อย 3,000 คน แต่องค์การอนามัยโลก เตือนว่าจำนวนผู้ติดเชื้อที่แท้จริง น่าจะมีจำนวนมากกว่า 20,000 คน
ดร.โจแอน หลิว ประธานองค์การแพทย์ไร้พรมแดน กล่าวในที่ประชุมสหประชาชาติ ว่า คำร้องขอความช่วยเหลือถูกปฎิเสธหลายครั้ง ทำให้ภายในเวลา 6 เดือนสถานการณ์เข้าสู่ภาวะการการแพร่ระบาดที่ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ จนควบคุมไม่ได้ และแม้ว่าในวันที่ 8 สิงหาคม องค์การอนามัยโลก จะประกาศว่า ไวรัสอีโบลากำลังเป็นภัยคุกคามสาธารณะ แต่ก็ไม่พบว่า นานาชาติจะแสดงความกังวลหรือมีท่าทีอย่างใด จึงร้องขอให้ประเทศร่ำรวย ให้การสนับสนุนทั้งทรัพยากรและความรู้แก่ประเทศแอฟริกาตะวันตก เพื่อสกัดเชื้อไวรัสนี้ โดยย้ำว่า สถานการณ์การแพร่ระบาด จะเข้าสู่ช่วงเลวร้ายที่สุด แล้วจึงจะค่อยๆดีขึ้น แต่จะสำเร็จได้ก็ด้วยความร่วมมือครั้งใหญ่ที่จะต้องลงมือปฏิบัติในทันที
...F163...