ศาลจังหวัดขอนแก่นได้กำหนดสบคำให้การฝ่ายโจทก์และฝ่ายจำเลยในคดีร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ระหว่างโจทก์ คือพนักงานอัยการ จ.ขอนแก่น กับ จำเลย ประกอบด้วย น.ส.ปรียานุช โนนวังชัย หรือเปรี้ยว จำเลยที่ 1,น.ส.กวิตา ราชดา หรือเอิน จำเลยที่ 2 ,น.ส.จิดารัตน์ พรมคุณ หรือเบนท์ จำเลยที่ 3 ,นายวศิน นามพรม จำเลยที่ 4 และ น.ส.อภิวันทน์ สัตยบัณฑิต หรือแจ้ จำเลยที่ 5 โดยในวันนี้เป็นนัดสุดท้ายซึ่งถือว่าขั้นตอนของการไต่สวนในลำดับขั้นตอนของการพิจารณาเสร็จสิ้นในภาพรวม
จากนั้น ศาลได้มีคำสั่งควบคุมตัวผู้ต้องหาที่ 1-2และ5 กลับไปคุมขังต่อที่เรือนจำกลางขอนแก่น,จำเลยที่ 4 ส่งตัวกลับไปทำการคุมขังที่ทัณฑสถานบำบัดพิเศษขอนแก่น ส่วนจำเลยที่ 3 นั้นอยู่ในช่วงของการประกันตัวของกระทรวงยุติธรรมศาลจึงมีคำสั่งให้กลับบ้านได้ ศาลได้นัดพร้อมเพื่อฟังคำพิพากษาในคดีดังกล่าวในวันที่ 29 มิ.ย.2561
นายบุญยงค์ แก้วฝ่ายนอก ทนายความฝ่าจำเลย ยืนยันว่าจะไม่ขอประกันตัวผู้ต้องหาทั้งหมด และได้ขอร้องต่อศาลในการพิจารณาคดีนี้ที่มีคำสั่งในการนับวันคุมขังนับควบรวมกับผลการพิจารณาคดีไปด้วย ด้าน นายอมรพงษ์ จันทร์กวี ทนายความของ น.ส.เปรี้ยว กล่าวว่า ผู้ต้องหาไม่ได้ไม่รับสารภาพทั้งหมด โดยเฉพาะ น.ส.เปรี้ยวนั้น ซึ่งรับว่าฆ่า น.ส.วริศรา กลิ่นจุ้ย หรือน้องแอ๋ม จริง แต่ไม่ได้กระทำการโดยไตร่ตรองไว้ก่อน แต่กระทำไปโดยการพลั้งมือจนผู้ตายนั้นเสียชีวิต ส่วนการหั่นศพนั้นทุกคนได้ร่วมมือกัน
ดังนั้นถึงเวลานี้แล้ว จำเลยที่ 1 รับสารภาพว่าหั่นศพ ซ่อนเร้นและอำพรางศพ,ฆ่าคนตายโดยการพลั้งมือ, จำเลยที่ 2 รับสารภาพว่าร่วมกันหั่นศพ ซ่อนเร้นและอำพรางศพ,จำเลยที่ 3 รับสารภาพว่ารับของโจร,จำเลยที่ 4 รับสารภาพว่าหั่นศพ ซ่อนเร้น และอำรางศพ และจำเลยที่ 5 รับสารภาพว่าร่วมกันหั่นศพ ซ่อนเร้นและอำพรางศพ รวมทั้งข้อหาเสพเมทแอมเฟตามีนด้วย ดังนั้นคดีนี้ทีมทนายความฝ่ายจำเลยนั้นทุกคนทำหน้าที่อย่างเต็มที่และสมบูรณ์แบบครบถ้วนที่สุด
ส่วนนายนพดล สีดาทัน ทนายความฝ่ายโจทก์ร่วม กล่าวว่า มั่นใจในพยานหลักฐานที่ฝ่ายโจทก์ได้นำแถลงต่อศาล ซึ่งเอกสารหลักฐานทั้งหมดที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ และพนักงานอัยการ และทนายโจทก์ มีเป็นจำนวนมากรวมหลายร้อยหน้า รวมทั้งการเบิกพยานให้การยอมรับว่าละเอียดและรอบคอบที่สุด เพื่อเอาผิดกับผู้ต้องหาทั้งหมดตามที่ได้ก่อเหตุมา โดยเฉพาะการสืบสาวราวเรื่องและสาเหตุของการก่อเหตุฆาตกรรมจนนำมาสู่การหั่นศพและฝังศพ มูลเหตุจูงใจ และพฤติการณ์แห่งเหตุที่ทำขึ้น จากนี้ไปผู้พิพากษาจะเข้าสู่ขั้นตอนของการพิจารณาคดี ซึ่งคดีนี้เป็นคดีสะเทือนขวัญ เป็นคดีที่มีคนสนใจ ครอบครัวของผู้ตาย มั่นใจในกระวนการยุติธรรมของไทยและมีความมั่นใจว่าศาลจะมีคำพิพากษาลงโทษผู้กระทำผิดอย่างสาสม