องค์กรวินเซนต์ โคเชเทล ของสหประชาชาติ รายงานว่า มีประชาชนมากกว่า 1 ล้านคนต้องละทิ้งบ้านเรือนเรื่องจากความขัดแย้งในภูมิภาคตะวันออกของยูเครน เฉพาะในช่วง 3 สัปดาห์มานี้ มีผู้ที่อพยพออกจากที่อยู่อย่างน้อย 260,000 คน และในปีนี้มีอีก 814,000 คนที่ข้ามชายแดนเข้าไปในรัสเซีย อย่างไรก็ตามผู้อพยพจำนวนมาก ไม่ได้อยู่ในการดูแลของสหประชาชาติ ทั้งไม่ได้อยู่ในค่ายของยูเครน ทำให้ไม่ได้รับความช่วยเหลือ
สหประชาชาติรายงานด้วยว่า ในกลุ่มของผู้ที่อพยพข้ามชายแดนยูเครน กลุ่มผู้ที่มีเชื้อสายรัสเซีย ส่วนใหญ่จะเดินทางไปที่รัสเซีย แต่ยังมีกลุ่มผู้ที่เดินทางไปโปแลนด์ เบราลุส หรือบอลติคเช่นกัน ส่วนการเจรจาระหว่างผู้แทนทางการยูเครน กลุ่มกบฏ และ รัสเซียเมื่อวันจันทร์สิ้นสุดลงโดยไม่สามารถบรรลุข้อตกลงใดๆ และจะมีการหารือกันอีกครั้งในวันศุกร์
นายอันโตนิโอ กูเตเรส ข้าหลวงใหญ่เพื่อผู้ลี้ภัยสหประชาชาติ เตือนว่า หากวิกฤติยูเครนไม่สามารถยุติลงโดยเร็ว วิกฤตินี้จะไม่เป็นเพียงการทำลายมนุษยธรรม แต่จะส่งผลให้ทั้งภูมิภาคปราศจากความมั่นคงด้วย
ทั้งนี้กลุ่มกบฏยูเครน ซึ่งมีแนวนิยมรัสเซีย ใช้ความรุนแรงเพื่อแบ่งแยกดินแดนทางตะวันออกมาตั้งแต่เมื่อเดือนเมษายนปีนี้ และผนวกรวมดินแดนไครเมียเข้ากับรัสเซีย จากนั้นก็ประกาศแยกจังหวัดโดเนตส์ก กับ ลูฮานส์ก เป็นอิสระ มีผู้เสียชีวิตไปแล้วประมาณ 2,600 ศพ บาดเจ็บหลายพันคน เฉพาะที่เมืองลูฮานส์ก ที่ถูกทหารของทางการพยายามยึดคืนมาตั้งแต่เมื่อเดือนก่อน ประชาชนในพื้นที่อยู่ในภาวะขาดแคลนสิ่งของจำเป็น ตลอดจนอาหารและน้ำ อย่างไรก็ตาม ทหารยูเครนต้องถอนกำลังออกจากสนามบิน เนื่องจากถูกรถถังรัสเซียโจมตี
...F163..