สมาคมการแพทย์อเมริกัน หรือ จามา เผยแพร่บทความผ่านวารสารการแพทย์ที่ระบุว่า เมื่อเปรียบจำนวนประชากรเท่ากันสหรัฐอเมริกาต้องจ่ายเงินงบประมาณด้านการสาธารณสุขมากกว่าประเทศอื่นเป็น 2 เท่าเพื่อผลสัมฤทธิ์ที่น้อยกว่า ไม่ว่าจะเป็นอายุขัยเฉลี่ยที่อยู่ในระดับต่ำสุด และอัตราทารกเสียชีวิตก็ยังอยู่ในระดับสูง ในรายงานระบุว่าการที่ผู้ป่วยไปพบแพทย์และการเข้ารับการรักษาต่อเนื่องไม่มีปัญหา แต่การที่ต้องเสียค่าใช้จ่ายสูงกว่าพลเมืองในหลายประเทศก็เพราะค่ายา อุปกรณ์ทางการแพทย์ อัตราเงินเดือนของแพทย์ พยาบาล ตลอดจนเจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาล โดยเฉพาะการร้องเรียนเรียกค่าชดเชยจากโรงพยาบาลที่จะถูกนำกลับมารวมอยู่ในต้นทุนและกลายเป็นค่าใช้จ่ายที่ผู้รับการรักษาต้องเป็นผู้จ่าย
นางไอรีน ปาปานิโคลอส หัวหน้าคณะวิจัยจากลอนดอน สคูล ออฟ อีโคโนมิค และ ฮาวาร์ด ที. เอช.ชาน สคูล ออฟ พับลิค เฮ้ลท์ ในบอสตัน เพิ่มเติมว่า การศึกษาโครงการนี้นักวิจัยได้ตรวจสอบข้อมูลระหว่างปี 2556-2559 เปรียบเทียบกับอีก 10 ประเทศ คือ สหราชอาณาจักร แคนาดา เยอรมนี ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น สวีเดน ฝรั่งเศส เดนมาร์ก เนเธอร์แลนด์และสวิสเซอร์แลนด์ ซึ่งสรุปได้ว่า ความไร้ประสิทธิภาพของระบบสาธารณสุขอเมริกาเกิดขึ้นจากหลายปัจจัยรวมทั้งการพึ่งพิงเงินอุดหนุน ความซับซ้อนของระบบการดูแลสุขภาพของสหรัฐฯ และการขาดความโปร่งใสเกี่ยวกับค่าใช้จ่าย
ทั้งนี้ในปี 2562 สหรัฐอเมริกาใช้งบประมาณด้านสาธารณสุขร้อยละ 17.8 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ หรือจีดีพี ขณะที่การใช้จ่ายของประเทศอื่นๆ อยู่ในระดับประมาณร้อยละ 9-12 ของจีดีพี ซึ่งคณะวิจัยเห็นว่าหากมีการลดขั้นตอนการทำงานลง ก็จะสามารถประหยัดงบประมาณลงไปได้มาก ส่วนอายุขัยเฉลี่ยในสหรัฐอเมริกาอยู่ที่ 78.8 ปีขณะที่ประเทศอื่น ๆ อายุขัยเฉลี่ยอยู่ที่ 80.7-83.9 ปี
...
F163