หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี พลโทสรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมเห็นชอบแผนการปฏิรูปประเทศทั้ง 11 ด้าน โดยในแต่ละด้านมีการวางเป้าหมายอย่างครบถ้วน ประกอบด้วย ด้านการเมืองวางเป้าหมายให้มีความเข้าใจในหลักการด้านประชาธิปไตย พรรคการเมืองโปร่งใส ตรวจสอบได้ และหากมีข้อขัดแย้งต้องมีการพูดคุยด้วยสันติวิธี ด้านบริหารราชการแผ่นดินให้หน่วยงานราชการมีความกระทัดรัดทันสมัยปรับตัวเข้ากับยุคสมัยและมีคุณธรรมจริยธรรม ด้านกฎหมาย ต้องปรับแก้ไขกฎหมายให้ไม่เป็นภาระของสังคมและเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศ ด้านยุติธรรม ทุกขั้นตอนมีช่วงเวลาที่ชัดเจน และเอื้ออำนวยให้ประเทศมีศักยภาพในการแข่งขันกับต่างชาติ ด้านเศษฐกิจ ครอบคลุมทุกภาคส่วน ใช้นวัตกรรม ใช้เทคโนโลยีเข้ามามีส่วนร่วม ด้านสิ่งแวดล้อม สร้างความสมดุลระหว่างการฟื้นฟูและอนุรักษ์ควบคู่กันไป
ด้าน สาธารณสุข เน้นการบริการปฐมภูมิใช้การสร้างนำการซ่อม ป้องกันการเจ็บป่วยไม่สบาย การเข้าถึงการรักษาอย่างครอบคลุมและเท่าเทียม ด้านสื่อมวลชน สร้างดุลยภาพเสรีภาพ และเป็นโรงเรียนให้กับสังคมและประชาชน ด้านสังคม ลดความเลื่อมล้ำของประชาชน และสร้างความมั่นคงให้กับประชาชนในวัยเกษียนอายุ สร้างชุมชนมีความเข้มแข็งด้านพลังงาน ส่งเสริมพลังงานทดแทนให้ประชาชนมีส่วนร่วม ปรับระบบวิเคราะห์ผลกระทบทางยุธศาสตร์ ด้านการปราบปรามการทุจริตเปิดเผยข้อมูลภาครัฐ โดยประชาชนสามารถติดตามข้อมูลได้ และเปิดเผยข้อมูลที่โปร่งใส นายกรัฐมนตรี ได้เน้นย้ำให้กระทรวงที่ดูแลการปฎิรูปทั้ง 11 ด้าน นำข้อเสนอแนะของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ ไปปรับปรุงและแก้ไขเพื่อให้เกิดความเหมาะสมและสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ซึ่งคณะกรรมการปฎิรูปทั้ง 11ด้านจะมีระยะเวลาในการปฎิบัติงานอีก 5 ปี ในการกำกับดูแลความเรียบร้อยเพื่อที่ทุกรัฐบาลต้องปฎิบัติตามนี้ให้ได้
ที่ประชุมมีมติอนุมัติงบประมาณงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติปีงบประมาณ 2562 ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ โดยในงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติปีงบประมาณ 2562 มีวงเงิน ทั้งสิ้น 195,768.44 ล้านบาท แต่ได้มีการปรับลดงบประมาณเหลือ 183,430.39 ล้านบาท แบ่งเป็นงบสำหรับกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ 193,922.14 ล้านบาท และงบบริหารจัดการ 1,846.30 ล้านบาท
เกตุกนก ครองคุ้ม ผสข.