กรณีการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ โดยนายวัชระ เพชรทอง อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคประชาธิปัตย์ ได้มีการแถลงข่าวเนื่องจากเห็นว่ามีการส่อทุจริต ในโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ พร้อมกล่าวว่า การก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ที่มีบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ดำเนินการก่อสร้าง ซึ่งมีงบประมาณ 12,000 ล้านบาท ระยะเวลาการก่อสร้าง 900 วัน ตามสัญญา ซึ่งได้ขยายเวลาก่อสร้างอีก 387 วัน ในสมัยนางสายทิพย์ เชาวลิตถวิล เป็นเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร และปัจจุบันที่มีนายสรศักดิ์ เพียรเวช ดำรงตำแหน่งเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ได้ขยายเวลาก่อสร้างออกไปอีก 674 วัน ซึ่งถือเป็นการขยายเวลาเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับเอกชนไม่ต้องเสียค่าปรับคิดเป็นวันละ 12 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังพบพฤติกรรมที่อาจเข้าข่ายทุจริตในการดำเนินงานในส่วนที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีการสื่อสาร ที่จากเดิมได้ตั้งงบประมาณไว้ 3,000 ล้านบาท แต่ปัจจุบันมีความพยายามที่ทำให้งบประมาณเพิ่มขึ้นจนถึงเกือบ 8,000 ล้านบาท ซึ่งจะมีการนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันอังคารที่ 13 มี.ค. เพื่อพิจารณา โดยมองว่า นายสรศักดิ์ ต้องการใช้วิธีคัดเลือกจากบริษัทเอกชน 3 ราย เพื่อให้ดำเนินการในส่วนของระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ(ไอซีที) ภายในโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ แต่ได้มีข้าราชการของรัฐสภาจำนวน 18 คน ที่ไม่เห็นด้วยกับการกระทำดังกล่าว และได้ยื่นหนังสือถึงนายสรศักดิ์ให้ใช้วิธีการเปิดประมูล เพื่อให้มีการแข่งขันอย่างเปิดเผย แต่ปรากฏว่าราชการทั้ง 18 คน ถูกตั้งกรรมการสอบสวน ซึ่งมองว่ามีความไม่เป็นธรรม โดยการทุจริตภายในโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภา มีบุคคลที่มีอำนาจเหนือกว่านายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ตัวอักษรย่อ ช. ซึ่งเป็นผู้สั่งการอยู่เบื้องหลัง
ขณะเดียวกัน พบว่ามีข้าราชการในรัฐสภา อาจมีพฤติการณ์เข้าข่ายเอื้อประโยชน์ให้กับเอกชน จึงร้องเรียนต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อให้ตรวจสอบการกระทำว่าเข้าข่ายทุจริตหรือไม่ พร้อมทั้งในวันจันทร์ที่ 12 มี.ค.จะยื่นหนังสือต่อพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ให้ตรวจสอบและคุ้มครองข้าราชการชั้นผู้น้อยที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุจริต
ผู้สื่อข่าว:เกตุกนก ครองคุ้ม