นายกฯเน้นยกศักยภาพปท. รับมือสังคมผู้สูงอายุ ชวนเที่ยวอุ่นไอรัก 11 มีนาคมวันสุดท้าย

เมื่อวันศุกร์ที่ 9 มี.ค. เวลา 20.15 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวในรายการ “ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน” ออกอากาศทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย เชิญชวนให้ไปเที่ยวงาน  อุ่นไอรัก คลายความหนาว” ณ พระลานพระราชวังดุสิต และสนามเสือป่าขอเชิญชวนพี่น้องประชาชน ร่วมในงาน ร่วมภาคภูมิใจในความเป็นไทย โดยพาลูกหลาน ร่วมแต่งกายย้อนยุค หรือชุดสุภาพ มาศึกษาประวัติศาสตร์ และเก็บภาพบักทึกความทรงจำดีๆ ภายในงานซึ่งวันอาทิตย์ที่ 11 มีนาคมนี้ เป็นวันสุดท้าย แล้ว

ส่วนประเด็นที่น่าสนใจ นายกรัฐมนตรี เน้นยกระดับศักยภาพของประเทศ รวมถึงเร่งการพัฒนาให้สามารถเดินไปข้างหน้าได้พร้อมๆ กันอย่างยั่งยืนนั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องตระหนักถึงปัญหาและความท้าทายสำคัญที่ประเทศจะต้องเผชิญในอนาคต ความท้าทายการเข้าสู่ “สังคมผู้สูงวัย” โดยคาดว่าในปี 2563 ไทยจะมีผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น ร้อยละ 20 ของประชากรทั้งหมด หรือ 1 ใน 5นะครับ ซึ่งก็หมายถึงสัดส่วนของประชากรใน “วัยแรงงาน” ก็จะลดลงต่อเนื่อง

ปัญหาโลกร้อน และความไม่แน่นอนของอากาศที่เปลี่ยนแปลงและแปรปรวนมากขึ้น ร้อนขึ้น หนาวขึ้น ที่เราเห็นเกิดขึ้นทั่วโลกในช่วงที่ผ่านมานี้ จะส่งผลกระทบที่หลากหลาย อาทิ น้ำท่วม ฝนแล้ง ที่สร้างความเสียหายให้กับชีวิตและทรัพย์สิน การเกษตรกรรม ซึ่งเป็นภาคการผลิตหลักของประเทศ รวมทั้งระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อมในวงกว้าง

เราอาจจะต้องประสบกับโรคระบาดใหม่ หรือโรคอุบัติใหม่ ที่รัฐต้องดูแล ต้องเตรียมค่าใช้จ่ายด้านสาธารณสุขที่สูงขึ้น  นายกรัฐมนตรีเน้นการพัฒนานโยบาย“ประชารัฐ”เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้ ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีในการลดต้นทุนการผลิต เพิ่มประสิทธิภาพ สร้างมูลค่าเพิ่ม ในภาครัฐก็จะมีบทบาทสำคัญในการสร้างกฎเกณฑ์ –กลไก เพื่อสนับสนุนให้ภาคธุรกิจเอกชน และภาคประชาชน สามารถได้รับโอกาสที่จะพัฒนาตนเองอย่างเต็มที่ และเท่าเทียม   ก็จะช่วยลดภาระของภาครัฐ

ส่วนประเด็นการเมือง  นายกรัฐมนตรีขอให้ช่วยกันติดตามพิจารณาด้วยหลักคิดที่ถูกต้อง ก็คือ การมีส่วนร่วมในการเลือกตั้ง คัดเลือก คนดี คนเก่ง มีคุณธรรม เข้าสู่กระบวนการเลือกตั้งและจัดตั้งรัฐบาลที่มีธรรมาภิบาล

ประเด็นการระดมทุนด้วยเงินดิจิทัล หรือ ICO เป็นเรื่องใหม่ ขอให้ผู้ที่สนใจจะไปลงทุนต้องระมัดระวังให้มาก ต้องศึกษาให้ดีถึงความเสี่ยงที่ตามมาด้วย เพราะรัฐบาลกำลังดำเนินการในด้านกฎหมายเพราะเป็นเรื่องใหม่ของบ้านเรา อย่าเพิ่งผลีผลาม เห็นแก่ประโยชน์ที่จะได้รับ โดยยังไม่ได้ศึกษาให้ดี เพราะเรายังไม่มีกฎหมายออกมากำกับดูแลอย่างชัดเจน เพราะกำลังทำอยู่ แต่ยังไม่อยากให้เกิดความเสียหายตั้งแต่บัดนี้กับนักลงทุนและประชาชน

นายกรัฐมนตรี หยิบยกเป็นเรื่องสุดท้าย เมื่อCNN ได้จัดอันดับ 50 สุดยอดอาหารเด็ดจาก “ทั่วโลก” ปรากฏว่า แกงมัสมั่นคว้าอันดับที่ 1 ลักษณะเด่น ก็คือ การเคี่ยวเนื้อวัวกับน้ำพริกแกงมัสมั่นและกะทิ เพิ่มกลิ่นหอมจากเม็ดและใบกระวาน ต้มยำกุ้ง เป็นอันดับที่ 8 นะครับ โดยเฉพาะสูตรน้ำข้น หอมกะทิและเครื่องสมุนไพร และส้มตำอันดับที่ 46 มีความหลากหลาย ทั้งส้มตำปู ใส่หรือไม่ใส่ปลาร้า  พร้อมขอส่งต่อความภาคภูมิใจ วัฒนธรรมการกินและการทำอาหาร ที่มีประวัติศาสตร์ และเรื่องราว อันเป็นอีกหนึ่ง “ไทยนิยม” จากรุ่นสู่รุ่น จากท้องถิ่นสู่สากล และขอขอบคุณกระทรวงวัฒนธรรม ที่ได้รวบรวมข้อมูล จัดพิมพ์หนังสือ “อาหารอร่อย ร้าน 100 ปี” เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวทางอาหาร “ไทยเที่ยวไทย”หรือช่วยแขกต่างชาติของเราไปลิ้มลองได้