+++หลังจากที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) ให้ความเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญสำคัญ 2 ฉบับ การเลือกตั้งส.ส. และที่มาของสมาชิกวุฒิสภา ตามที่คณะกรรมาธิการร่วมฯ ปรับแก้ไข เพื่อนำส่งให้นายกรัฐมนตรี นำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายก่อนบังคับใช้เป็นกฎหมายต่อไป
+++พล.อ.สิงห์ศึก สิงห์ไพร สมาชิกสนช. มั่นใจหลังจากนี้จะไม่มีการยื่นร่าง พ.ร.ป.ทั้ง 2 ฉบับให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย เนื่องจาก ผู้ที่มีสิทธิยื่นเรื่องคือสมาชิก สนช. จำนวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 หรือ 25 คนและเท่าที่ดูภาพรวมการลงมติเป็นไปด้วยดี มีผู้ไม่เห็นด้วยไม่ถึง 25 เสียง ประกอบกับสนช. ได้พูดคุยกันว่าเนื้อหาร่าง พ.ร.ป.ทั้ง 2 ฉบับไม่น่าขัดรัฐธรรมนูญ อย่างไรก็ตาม หากมีผู้ไม่เห็นด้วย ก็สามารถรวบรวมรายชื่อยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยได้ตามขั้นตอนกฎหมายและส่วนตัวเชื่อหากท้ายสุดมีการยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญก็ จะไม่กระทบโรดแมปเลือกตั้ง
+++พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังไม่มีกลุ่มการเมืองยื่นเรื่องขออนุญาตคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)เพื่อเปิดประชุมพรรค ตามหลักเกณฑ์ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ต้องเป็นผู้พิจารณาในชั้นแรก จากนั้นส่งเรื่องมาที่ คสช.
+++นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเดือนกุมภาพันธ์ 2561 ปรับตัวลดลงทุกรายการ ขณะที่ ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวม ลดลงอยู่ที่ 66.2 จาก 67 ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสในการหางานทำ ลดลงอยู่ที่ 74.2 จาก 74.9 และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคต ลดลงอยู่ที่ 97.4 จาก 98 เนื่องจากประชาชน กังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพทางการเมืองและปัจจัยทางการเมืองเลื่อนเลือกตั้งเป็นเดือนกุมภาพันธ์ 2562 รวมถึงกังวลเรื่องค่าเงินบาทแข็งค่า กระทบการส่งออก ประชาชนยังรู้สึกว่ารายได้ไม่สอดคล้องกับค่าครองชีพที่สูงขึ้น และเม็ดเงินงบประมาณจากภาครัฐยังกระจายลงไปไม่ทั่วถึง และรายได้จากภาคธุรกิจยังกระจุกตัว
+++อย่างไรก็ตาม นายธนวรรธน์ กล่าวว่า หากรัฐเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณช่วงไตรมาส 2 เร่งเบิกจ่ายงบลงทุน โดยเฉพาะการเร่งอัดฉีดงบประมาณกลางปี 1.5 แสนล้านบาท รวมถึงการลงทุนในโครงการพัฒนาระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ในระยะแรกให้เกิดขึ้นเป็นรูปธรรม การเติมเงินใส่เข้าไปในโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ การดำเนินโครงการไทยนิยมให้ได้ตามเป้าหมาย การดำเนินโครงการผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางผลไม้เมืองร้อน ต้องติดตามดูว่าจะสามารถทำได้เพียงใด หากเป็นไปตามเป้าหมายจะดึงให้เศรษฐกิจฟื้น และดึงดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคไว้ได้ โดยเชื่อว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวชัดเจนในครึ่งปีหลัง ศูนย์พยากรณ์คาดว่าเศรษฐกิจไทยทั้งปี 2561 ยังเติบโตได้ร้อยละ 4.4 ครึ่งปีแรกเติบโตร้อยละ 4.1 และครึ่งปีหลังเติบโตร้อยละ 4.4
+++นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า แม้อัตราดอกเบี้ยในตลาดโลกปรับขึ้น แต่อัตราดอกเบี้ยไทย ไม่ต้องปรับขึ้นตามทันที เพราะนโยบายการเงิน จะต้องตอบโจทย์เศรษฐกิจในประเทศแต่ละประเทศ ซึ่งขณะนี้ไทยไม่มีแรงกดดันของเงินเฟ้อ เศรษฐกิจมีแนวโน้มฟื้นตัวชัดเจน แต่อาจมีความเปราะบางในบางจุด
+++การพิจารณาคดีจำนำข้าวและระบายข้าว ในส่วนของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และนาย บุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ ที่ร้องขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่ง กระทรวงการคลังและกระทรวงพาณิชย์ที่ให้ชดใช้ค่าเสียหายหลายหมื่นล้านบาท นางมาเรียม วิมลทอง รองโฆษกศาลปกครอง เปิดเผยว่า คดีดังกล่าวอยู่ในชั้นการแสวงหาข้อเท็จจริง ไม่สามารถระบุเวลาวินิจฉัยได้เพราะมีการขอขยายเวลา ทำคำให้การเพิ่มเติม ซึ่งในคดีปกครอง ศาลจะให้โอกาสผู้พิพาททั้งสองฝ่ายแสดงพยานหลักฐานอย่างเต็มที่ แต่หากพบมีการขอขยายเวลาในลักษณะประวิงเวลาก็จะไม่อนุญาต ยืนยัน ศาลจะพยายามพิจารณาคดีดังกล่าวให้เสร็จโดยไม่รอผลคำพิพากษาในคดีอาญาถึงที่สุดก่อน
+++ทำเนียบ เวลา 11.00 น. Mr. Markus H. Rodlauer รองผู้อำนวยการกรมเอเชียและแปซิฟิก IMF และคณะผู้แทนกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (International Monetary Fund:IMF) หารือนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ส่วนช่วงบ่าย นายกฯ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนการพัฒนารัฐบาลดิจิทัล
+++ความเคลื่อนไหวสัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนเมษายน ลดลง 1.03 ปิดที่ 60.12 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคม ลดลง 73 เซนต์ ปิดที่ 63.61 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ในรายงานของสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯที่เผยแพร่เมื่อวันพุธ พบว่า กำลังการผลิตน้ำมันดิบรายสัปดาห์ของสหรัฐฯแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยเพิ่มขึ้นอีก 86,000 บาร์เรลเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เป็น 10.369 ล้านบาร์เรลต่อวัน
+++ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 93.85 จุด ปิดที่ 24,895.21 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 12.17 จุด ปิดที่ 2,738.97 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 31.30 จุด ปิดที่ 7,427.95 จุด ตลาดหุ้น อยู่ภายใต้แรงกดดันมาตั้งแต่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศว่าเขามีแผนกำหนดมาตรการจัดเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมจากต่างแดนเมื่อสัปดาห์ก่อน อย่างไรก็ตาม หุ้นวอลล์สตรีท กลับเคลื่อนไหวในแดนบวก หลังจากนายทรัมป์ ลงนามในคำสั่งเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมจากต่างแดน เพิกเฉยต่อคำเตือนว่ามาตรการอันเป็นที่ถกเถียงนี้จะกระพือสงครามการค้าและเมินเสียงประท้วงจากเหล่าพันธมิตรในยุโรปและในอเมริกาเอง
+++ส่วนราคาทองคำในวันพฤหัสบดี ปิดลบ 2 วันติด จากดอลลาร์แข็งค่าขึ้น โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 5.90 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,321.70 ดอลลาร์ต่อออนซ์
แฟ้มภาพ