กรมอุทยานฯ ปัดดำเนินคดีเปรมชัยล่าช้า พร้อมดูแลหัวหน้าวิเชียร

07 มีนาคม 2561, 17:30น.


ความคืบหน้าคดีนายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารและกรรมการบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล็อปเม้นต์ จำกัด มหาชน กับพวก รวม4 คน ที่เข้าไปล่าสัตว์ในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรฝั่งด้านตะวันตก นายปิ่นสักก์ สุรัสวดี รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ยืนยันกว่า กว่า1เดือนที่เกิดเหตุขึ้น กรมอุทยานฯไม่ได้เพิกเฉยในการดำเนินคดีกับนายเปรมชัยและพวก โดยได้ใช้หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ชุดนิติกร และชุดพญาเสือ ติดตามคดีเป็นพิเศษ พร้อมทั้งประสานงานกับตำรวจ วิเคราะห์หลักฐานตัวอย่างที่เจ้าหน้าที่ตำรวจส่งมาให้ โดยการปฏิบัติงานทางนิติวิทยาศาสตร์ได้ประสานกับกองพิสูจน์หลักฐาน ซึ่งตำรวจ จะตรวจสอบวัตถุพยานที่เกี่ยวข้องกับมนุษย์ แต่หากเป็นวัตถุพยานที่เกี่ยวข้องกับสัตว์ป่า พนักงานสอบสวน จะนำส่งให้หน่วยนิติวิทยาศาสตร์ของกรมอุทยานฯ เป็นผู้วิเคราะห์และตรวจสอบ ซึ่งจากการตรวจซากเนื้อเสือดำในหม้อซุป กระดูกท่อนขา จำนวน 2 ชิ้น ที่พบในที่เกิดเหตุพบว่าเป็นเนื้อเสือดำเพศเมีย และมาจากเสือดำตัวเดียวกันและมีความเชื่อมโยงกัน ขณะที่วัตถุพยานที่พบในที่เกิดเหตุ ได้แก่ มีดอีโต้ มีดทำครัว และมีดเหน็บ รวมจำนวน 6 เล่ม ปรากฎว่ามีดเหน็บ จำนวน 2 เล่ม พบดีเอ็นเอของเสือดำ ซึ่งเป็นเสือดำตัวดังกล่าว



ส่วนที่อ้างว่าเป็นเนื้อเก้งผลพิสูจน์พบว่าเป็นเนื้อหมูป่า ด้านชิ้นเนื้อที่อ้างว่าเป็นเนื้อไก่ฟ้าหลังเทาพบว่าเป็นไก่ฟ้าหลังขาว มั่นใจในพยานหลักฐานว่าสามารถนำผู้กระทำความผิดดำเนินคดีได้ ขณะเดียวกัน ยังมีหลักฐานที่พบเพิ่มเติมคือถุงสีดำ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะตรวจสอบเพื่อหาหลักฐานต่อไป ยืนยันว่ากรมอุทยานฯไม่ได้มีความล่าช้าในการดำเนินงาน



การสอบผลดีเอ็นเองาช้างที่ตรวจยึดได้จากบ้านนายเปรมชัย จำนวน 4 กิ่ง หรือ 2 คู่ นายปิ่นสักก์ กล่าวว่า หน่วยปฏิบัติการนิติวิทยาศาสตร์ของกรมอุทยานฯ ได้แจ้งผลมาแล้วว่า ทั้ง 4 กิ่งเป็นงาช้างจากแอฟริกา ถือเป็นซากสัตว์ป่าคุ้มครอง และกฎหมายอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศ เป็นชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ หรือไซเตส ถือเป็นการครอบครองงาช้างที่ผิดกฎหมายชัดเจน



เมื่อวานนี้ นายนุวรรต ลีลาพตะ รองหัวหน้าชุดปฎิบัติการปราบปรามการกระทำความผิดด้านสัตว์ป่า (ชุดเหยี่ยวดง) กรมอุทยานฯ ได้เข้าแจ้งความกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) ให้ดำเนินคดีกับนางคณิตตา วิทยานันท์ ภรรยานายเปรมชัย ในความผิดฐานมีซากสัตว์ป่าคุ้มครอง ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตแล้ว



กรณีที่สังคมมีความกังวลว่านายวิเชียร ชิณวงษ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก ต้องทำงานเพียงลำพังภายหลังจากที่ได้มีการจับกุมนายเปรมชัยกับพวก ยืนยันว่า นายวิเชียรไม่ได้โดดเดี่ยวหรือทำงานตามลำพัง แต่มีกรมอุทยานฯ คอยดูแลช่วยเหลืออยู่ตลอด ซึ่งผู้ใหญ่ในกรมอุทยานฯ ไม่ได้ละเลยการปฏิบัติหน้าที่ และไม่ได้ทิ้งใครไว้เพียงลำพัง โดยในการสืบสวนคดีดังกล่าวไปเป็น 2 ส่วนคือการขออนุญาตเข้าพื้นที่และสิ่งที่กระทำภายหลังเข้าไปในพื้นที่ว่าได้กระทำตามที่ขออนุญาตหรือไม่



สำหรับกรณีติดแฮชแท็กในโซเชียลมีเดียว่า #ไม่เอาศรีวราห์  นายปิ่นสักก์ เชื่อมั่นในการทํางานของทีม ขณะนี้มีความคืบหน้า100% มั่นใจว่าจะสามารถนำผู้กระทำผิดมาลงโทษได้



ส่วนนายนพดล พฤกษะวัน อดีตข้าราชการในกรมอุทยานฯ มีการนำไฟฉายให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานขณะนั้น ซึ่งสังคมมีความกังวลว่าจะทำให้นายวิเชียร ต้องโทษคดีหรือไม่ จากการตรวจสอบพบว่า ไฟฉายดังกล่าว ผู้มอบคือนายนพดล  ไม่ใช่นายเปรมชัย รวมถึงไฟฉายก็ไม่ได้มีมูลค่ามากมาย เฉลี่ยกระบอกละ 120 บาทเท่านั้น และเป็นการให้เจ้าหน้าที่ตามปกติจึงไม่ต้องกังวลว่านายวิเชียรจะมีความผิดในข้อหารับสินบน ส่วนนายนพดลจะมีรายชื่ออยู่ในสำนวนคดีในการเอาผิดฐานที่อำนวยความสะดวกให้นายเปรมชัยเข้าพื้นที่หรือไม่นั้น เป็นความรับผิดชอบของพนักงานสอบสวน



ผู้สื่อข่าว:ธนดา เฉลิมวันเพ็ญ



 

ข่าวทั้งหมด

X