หลังจากศาลปกครองกลางมีคำสั่งเพิกถอน คำชี้ขาดอนุญาโตตุลาการที่ให้กรมควบคุมมลพิษ จ่ายเงินค่าเสียหายโครงการบ่อบำบัดน้ำเสีย คลองด่านให้เอกชน 6 บริษัท กว่า 9,000 พันล้านบาท
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย กล่าวว่า ไม่ใช่คดีแรกที่รัฐชนะเอกชน เพราะยังมีหลายคดี เช่น คดีค่าโง่ทางด่วนบูรพาวิถี โดยขั้นตอนจากนี้กรมควบคุมมลพิษ ซึ่งเป็นจำเลยในคดีคลองด่านจะต้องรอคำพิพากษาของศาลปกครองสูงชี้ขาด เนื่องจากคู่กรณียื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุด คาดว่าจะใช้ระยะเวลาประมาณ 1 ปี แต่ขณะนี้ยังไม่เกิดความเสียหายกับรัฐ เพราะสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) อายัดเงินที่ต้องจ่าย งวดที่ 1 และ 2 ไว้แล้ว ส่วนงวดที่ 3 และ 4 ยังไม่มีการจ่าย จึงไม่ต้องรีบเพิกถอนมติคณะรัฐมนตรี ที่เคยมีคำสั่งให้รัฐชดใช้ค่าเสียหายกับเอกชนตามคำสั่งอนุญาโตตุลาการ
ขณะเดียวกันต้องรอคำพิพากษาศาลแขวงตัดสินความผิดทางอาญาของตัวบุคคลในคดีนี้ที่จะตัดสินในชั้นฎีกาวันนี้ด้วย ซึ่งนายวิษณุ ยอมรับว่ารัฐมีความได้เปรียบอยู่ เพราะการกระทำเป็นความผิดของตัวบุคคล มีความผิดร่วมกัน และคำพิพากษาของศาลแขวงในวันนี้ จะถูกนำมาใช้ในการพิจารณาของศาลปกครองสูงสุด และเมื่อศาลมีคำพิพากษาจะถือเป็นที่สุด คาดว่าจะไม่มีช่องทางอื่นให้ยื่นอุทธรณ์ได้อีก
นายวิษณุ ยังกล่าวถึงความคืบหน้าในการพิจารณาร่างกฎเกณฑ์ เพื่อควบคุมดูแลเงินดิจิตอลหรือคลิปโต เคอร์เรนซี ว่า จะมีการหารือร่วมกันทั้งคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ก.ล.ต.) ธนาคารแห่งประเทศไทย กระทรวงการคลัง กระทรวงยุติธรรม และคณะกรรมการกฤษฎีกาในเย็นนี้ ซึ่งคาดว่าจะร่างออกมาตามกฎหมายตามปกติ ยังไม่จำเป็นต้องใช้คำสั่ง คสช.ตามอำนาจในมาตรา 44 และภายหลังการหารือวันนี้ จะต้องนำเข้าสู่การประชุม ครม.อีกครั้งหนึ่งด้วย
...
ผสข.ปิยะธิดา เพชรดี