ไทยนัดหารือผลสหรัฐฯขึ้นภาษีศุลกากร/ยางพารารักษาโควตาการผลิต/ไม่เปลี่ยนพนักงานสอบสวนคดีเปรมชัย

กรณีที่สหรัฐจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กร้อยละ 25 และอะลูมิเนียมร้อยละ 10 นายเจน นำชัยศิริ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ประเด็นที่น่ากังวลขณะนี้ คือ ผู้ผลิตเหล็กที่ส่งออกไปสหรัฐฯ จะหาตลาดใหม่มาทดแทน และอาจทำให้มีการตัดราคาเพื่อทุ่มตลาด ซึ่งการที่องค์การการค้าโลก หรือดับเบิลยูทีโอ ให้สิทธิ์ประเทศไทยดำเนินมาตรการปกป้อง (เซฟการ์ด) หรือมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดและอุดหนุนราคา(เอดี) หากมีข้อมูลที่เพียงพอ จึงต้องการให้ทุกฝ่ายให้ความสำคัญกับเรื่องของข้อมูลต่างๆ แต่การใช้มาตรการตอบโต้ก็ต้องดูผลกระทบผู้ประกอบการในไทยด้วย เช่น อุตสาหกรรมก่อสร้าง อุตสาหกรรมเครื่องจักรกล

นายกรกฎ ผดุงจิตต์ เลขาธิการกลุ่มอุตสาหกรรมเหล็ก ส.อ.ท.กล่าวว่า กรมการค้าต่างประเทศนัดหารือ ในวันที่ 9 มีนาคมนี้ เพื่อประเมินผลกระทบและหามาตรการป้องกันหากมีการทุ่มตลาดในไทย ขณะที่ไทยส่งออกสินค้าเหล็กไปสหรัฐฯ มูลค่าประมาณ 10,479 ล้านบาท หรือ 383,496 ตัน

ส่วนเรื่องยางพารา นายกฤษฎา บุญราช รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ได้ร่วมหารือกับเอกอัครราชทูตและผู้แทนจากประเทศผู้ผลิตยางรายใหญ่ของโลก ได้แก่ มาเลเซีย อินโดนีเซีย และเวียดนาม เรื่องความร่วมมือเพื่อสร้างเสถียรภาพราคาและพัฒนาอาชีพการทำสวนยาง ตลอดจนอุตสาหกรรมยางให้มีความมั่นคงและยั่งยืน โดยมีประเด็นสำคัญ คือ การติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานมาตรการควบคุมปริมาณการส่งออกยางพารา (AETS) ภายใต้ข้อตกลงสภาไตรภาคียางพาราระหว่างประเทศ (ITRC) ประกอบด้วย ประเทศไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย โดยกำหนดการลดโควตาการส่งออกยางพาราของ 3 ประเทศสมาชิกจำนวน 350,000 ตัน เพื่อแก้ไขปัญหาราคายางในระยะสั้น ภายในระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่เดือนมกราคม จนถึงสิ้นเดือนมีนาคม 2561 ซึ่งนับจากนี้ยังเหลือเวลาอีกประมาณ 1 เดือนโดยทั้ง 3 ประเทศยืนยันที่จะดำเนินการอย่างเข้มงวดและจริงจังมากขึ้น เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และเกิดความต้องการใช้ยางในตลาดโลกเพิ่มมากขึ้น จะส่งผลให้ราคายางปรับตัวสูงขึ้น

มาที่การดำเนินคดีนาย เปรมชัย กรรณสูต และพวก ฐานล่าสัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ซึ่งกลุ่มอนุรักษ์มีความเห็นว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจทำคดีอย่างล่าช้า และเรียกร้องให้เปลี่ยนคณะทำงาน พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวว่า เรื่องคดีต้องว่าไปตามกฎหมาย อย่าตัดสินคนอื่นด้วยความรู้สึก หรือเอากรณีอื่นมาเปรียบเทียบ

ส่วน พลเอก สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบว่างาช้างที่ภรรยานายเปรมชัยครอบครอง เป็นงาช้างแอฟริกา ผู้ที่ครอบครองมีความผิดตามกฎหมาย ขณะที่ คณะกรรมการติดตามคดีของกระทรวงทรัพยากรจะประชุมหารือในวันที่ 12 มีนาคมนี้

ในวันที่ 8 มีนาคมนี้ พลตำรวจเอก จรัมพร สุระมณี กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ (ป.ป.ท.) จะลงพื้นที่ไปพูดคุยกับพนักงานสอบสวนที่เกี่ยวข้องกับคดีทั้งหมด

ด้าน พลตำรวจเอก ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รองผบ.ตร.) กล่าวว่าไม่ขัดข้องหากจะเปลี่ยนชุดพนักงานสอบสวน เพราะดำเนินการทุกอย่างตามกฎหมาย มั่นใจว่าเร่งรัดติดตามคดีได้เร็วที่สุดแล้ว คาดว่าจะสามารถส่งฟ้องทั้ง 9 ข้อหาได้ภายในวันที่ 24 มีนาคมนี้ ทั้งเปิดเผยด้วยว่า ได้รับรายงานผลการตรวจจากทางนิติวิทยาศาสตร์ ชี้ว่าชิ้นเนื้อที่พบในหม้อซุปและกระดูกท่อนขาเป็นเสือดำเพศเมีย ยืนยันว่าคดีนี้มีหลักฐานทั้งผลตรวจอาวุธปืน งาช้าง และ ซากสัตว์ป่า ชัดเจน สามารถเอาผิดกับนายเปรมชัยได้อย่างแน่นอน อีกทั้งยังสามารถเอาผิดกับนางคณิตา เรื่องครอบครองงาช้าง

ด้านพล.ต.ต.ธวัชชัย เมฆประเสริฐสุข ผบก.พฐก. เปิดเผยผลตรวจพิสูจน์อาวุธปืน 3 กระบอก ที่ยึดได้ในที่เกิดเหตุ ทั้งหมดเป็นของนายเปรมชัยจริง ส่วนกระสุนปืนที่ทำให้เสือดำตาย เป็นกระสุนปืนลูกปรายที่บรรจุในปืนลูกซองขนาดเบอร์ 20 ซึ่งเป็นของปืน 1 ใน 3 กระบอกที่ตรวจยึดได้ โดยยิงนัดเดียวในระยะใกล้คือประมาณ 10 เมตร แต่กระสุนลูกปรายกระจายเป็น 8 รู และเจอหัวกระสุนลูกปราย 3 เม็ดที่เสือดำ

นายนุวรรต ลีลาพตะ รอง หัวหน้าชุดปฏิบัติการปราบปรามการกระทำความผิดด้านสัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อ พล.ต.ต.ปัญญา ปิ่นสุข ผบก.ปทส. เพื่อดำเนินคดีนาง คณิตา วิทยานันท์ ภรรยานายเปรมชัย ในความผิดฐานมีซากสัตว์ป่าคุ้มครอง (งาช้างแอฟริกา) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามที่ผลการตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเองาช้าง จำนวน 4 กิ่งที่พบในบ้านของนายเปรมชัย เป็นงาช้างแอฟริกา และนางคณิตาเป็นผู้นำมาขึ้นทะเบียนกับกรมอุทยานฯ โดยนำหลักฐานอ้างว่าเป็นงาช้างบ้านมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่

ส่วนการตรวจสอบการทุจริตเงินสงเคราะห์เงินช่วยเหลือผู้ยากไร้และผู้ติดเชื้อเอดส์ ศูนย์พักพิงคนไร้ที่พึ่ง ของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.)

พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้ พม.และ ป.ป.ท.ส่งทีมลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบและนำข้อมูลของแต่ละหน่วยงานมายืนยันเปรียบเทียบกัน โดยยอมรับว่าข้อมูลของ ป.ป.ท.กับของ พม.ยังไม่ตรงกัน เนื่องจาก ป.ป.ท.ตรวจพบทุจริตเงินอุดหนุนในส่วนของศูนย์คนไร้ที่พึ่งและนิคมสร้างตนเองจำนวน 16 แห่ง และที่อยู่ในข่ายต้องสงสัยว่าอาจทุจริต 22 แห่ง แต่ พม.รายงานจำนวนน้อยกว่านั้น ต้องตรวจสอบเพื่อยืนยันข้อมูลกัน สำหรับเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปเกี่ยวข้อง ทราบว่าได้ปรับย้ายตำแหน่งประมาณ 4-5 ราย

พลเอก อนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการ พม. กล่าวว่า ได้รับรายงานเข้ามาทุกวัน และลงนามคำสั่งย้ายเจ้าหน้าที่ที่ถูกร้องเรียนทุกวัน เพื่อให้คณะกรรมการเข้าไปตรวจสอบ คาดว่าสิ้นเดือนมีนาคมนี้จะครบกำหนดการตรวจสอบรอบแรก และจะชัดเจนว่าใครจะถูกลงโทษบ้าง

พ.ท.กรทิพย์ ดาโรจน์ รักษาราชการ เลขาธิการ ป.ป.ท. กล่าวว่า ในวันที่ 8 มีนาคม จะมีการนำเสนอเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ท. เพื่อขออนุมัติตั้งอนุกรรมการไต่สวนการทุจริตใน 3 จังหวัดก่อน คือ บึงกาฬ หนองคาย และตราด ส่วนจังหวัดอื่นๆจะทยอยนำเข้าสู่ที่ประชุมเพื่อขออนุมัติไต่สวนตามขั้นตอน

ส่วนกรณีของน.ส.ปณิดา ยศปัญญา นิสิตคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ สาขาพัฒนาชุมชน มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ผู้เปิดเผยการทุจริต เปิดเผยด้วยว่า ถูกอาจารย์ประจำภาควิชาตำหนิและทำร้ายร่างกาย

นพ.อุดม คชินทร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวว่า ต้องรอฟังผลการสอบสวนข้อเท็จจริงว่ามีการทำร้ายจริงหรือไม่ ได้สั่งให้เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ไปตรวจสอบแล้ว ตอนนี้อย่าเพิ่งฟังความข้างเดียว ยืนยันว่าสิ่งที่นิสิตทำเป็นสิ่งดีงาม เป็นประโยชน์ต่อประเทศ ทางมหาวิทยาลัยควรจะต้องส่งเสริม และไม่ควรทำให้เกิดการปิดกั้นหรือสร้างความเสียหาย ควรจะต้องปกป้องด้วยซ้ำ เพราะเป็นสถาบันการศึกษา และขอเวลา 1-2 วัน

นายสัมพันธ์ ฤทธิเดช อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาสารคาม (มมส.) เปิดเผยว่าไม่ได้ปกป้องอาจารย์ที่ทำร้ายนิสิต คาดว่าจะให้คำตอบชัดเจนได้ในช่วงต้นสัปดาห์หน้า ทั้งกล่าวด้วยว่า เพื่อเป็นการยกย่อง เชิดชูคุณความดีในความกล้าหาญ ไม่ยอมรับในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง มหาวิทยาลัยจะได้ประกาศมอบโล่รางวัลให้กับ น.ส.ปณิดา ยศปัญญา ในงานเฉลิมฉลอง 50 ปี มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ชื่อรางวัล 50 ปี คนดี ศรีโรจนากร จะมอบให้ในวันที่ 26 มีนาคมที่จะถึงนี้ สำหรับในเรื่องของการสำเร็จการศึกษาตามหลักสูตร ได้มอบฝ่ายวิชาการกำกับดูแลเป็นพิเศษ ในประเด็นเหล่านี้ขอให้นิสิตและครอบครัวสบายใจได้ จากผลการศึกษาของนิสิตที่อยู่ในระดับดี ผนวกความสามารถ ความหมั่นเพียร นิสิตเรียนจบตามหลักสูตรอย่างแน่นอน

....