กกต.ยันไม่กังวลจัดตั้งพรรคใหม่เป็นนอมินี/สรท.เผยส่งออกปีนี้โต5.5%/หุ้นไทย ร่วงตามหุ้นเอเชีย กังวลนโยบายกีดกันการค้าของสหรัฐฯ

02 มีนาคม 2561, 18:44น.


+++การจดจองชื่อพรรคและเครื่องหมายพรรคการเมืองในวันนี้เป็นวันแรก นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย กล่าวว่า ก่อนจะดำเนินกิจกรรมใด ๆ ให้ขออนุญาตคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อป้องกันการฝ่าฝืนหรือการกระทำที่ผิดกฎหมายหรือขัดคำสั่งคสช. ส่วนพรรคการเมืองเก่า จะดำเนินกิจกรรมทางการเมืองได้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน เป็นต้นไป เป็นหน้าที่ของคสช.ที่จะดูแลความสงบเรียบร้อย ไม่ให้มีกลุ่มฉวยโอกาสเคลื่อนไหวในช่วงการจัดตั้งพรรคการเมือง แต่ยังไม่ยืนยันว่า เมื่อพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ(พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ส.ส.) และการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.) มีผลประกาศใช้แล้ว จะสามารถปลดล็อคให้พรรคการเมืองได้หรือไม่



+++นายศุภชัย สมเจริญ ประธานกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)  กล่าวถึง ภาพรวมการยื่นคำขอแจ้งการเตรียมการจัดตั้งพรรคการเมืองวันแรกว่า โดยภาพรวมพอใจ ที่มีผู้สนใจจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่  ขณะนี้มี42 กลุ่ม ซึ่งไม่คาดคิดว่าจะมีมากขนาดนี้  กกต.พยายามดำเนินการให้เสร็จภายในเวลาที่กำหนด  แต่อย่างไรก็ตามคุณสมบัติบางข้อไม่สามารถตรวจสอบเองได้ เพราะต้องอาศัยหน่วยงานอื่นตรวจสอบ อาจต้องใช้เวลา แต่ยืนยันว่าจะทำให้เร็วที่สุด ส่วนจะมีการเลือกตั้งในปี 2562 หรือไม่นั้น ถ้าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรีบดำเนินการก็ทัน เพราะ กกต.รีบดำเนินการอยู่แล้ว



+++สำหรับผู้ที่มายื่นจดจัดตั้งพรรคใหม่ กกต.กังวลในเรื่องของนอมินี หรือไม่ นายศุภชัย กล่าวว่า กกต. ไม่มีหน้าที่กลัว แต่มีหน้าที่บริการรับจดทะเบียนตามกฎหมายอยู่แล้ว   ส่วนจะเป็นนอมินีหรือไม่ ไม่อาจทราบ  หากยื่นถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนดก็ต้องรับจด



+++ภายหลังนายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารบริษัทอิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) พร้อมพวกอีก 3 คน ประกอบด้วย นายยงค์ โดดเครือ , นางนที เรียมแสน และนายธานี ทุมมาศ ผู้ต้องหาในคดีลักลอบล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ได้เดินทางเข้าให้ข้อมูลเพิ่มเติมกับพนักงานสอบสวน สภ.ทองผาภูมิ โดยเป็นการเดินทางมาล่วงหน้า จากเดิมที่พนักงานสอบสวนออกหมายเรียกครั้งที่ 2 นัดหมายให้มาพบในวันที่ 5 มี.ค.



+++ด้าน พ.ต.อ.วุฒิพงษ์ เย็นจิตต์ ผกก.สภ.ทองผาภูมิ กล่าวว่า วันนี้เป็นการสอบปากคำผู้ต้องหาตามหมายเรียกเพิ่มเติม ส่วนผู้ต้องหายื่นเอกสารหลักฐานเพิ่มเติมหรือไม่นั้น ยังไม่ได้รับรายงาน



+++พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(รอง ผบ.ตร.) เปิดเผยว่า เมื่อผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย เดินทางมาพบพนักงานสอบสวนก่อนกำหนด ดังนั้นวันที่ 5 มี.ค. 2561 ก็ไม่จำเป็นต้องมาอีก ขณะนี้สำนวนคดีคืบหน้าไปแล้วกว่าร้อยละ 90 ยืนยันไม่ได้ล่าช้า เป็นไปตามขั้นตอน คาดว่า จะสามารถสรุปสำนวนส่งฟ้องให้พนักงานอัยการได้ไม่เกินฝากขังครั้งที่ 4 หรือก่อนวันที่ 26 มี.ค.นี้





+++พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก. เปิดเผยความคืบหน้ากรณีสอบปากคำนายปรีชา ใคร่ครวญ และนางรัตนาภรณ์ สุภาทิพย์ หรือเจ๊บ้าบิ่น หลังถูกควบคุมตัวที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.)คดีลอตเตอรี่มูลค่า 30 ล้านบาท ว่า จากการสอบปากคำนายปรีชาเมื่อคืนนี้ ก่อนนำตัวส่งศาลนายปรีชา ยังไม่ให้การรับสารภาพ ยังคงมีอาการมึนงงอยู่ระหว่างการสอบปากคำ อาจจะต้องใช้เวลาสักระยะในการซักถามเพิ่มเติมอีก เนื่องจากเรื่องราวไปไกลแล้ว



+++ส่วนการดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องกับกรณีดังกล่าวจะพิจารณากันอีกครั้งว่าจะมีการดำเนินการอย่างไรต่อไป แต่ขณะนี้ต้องดำเนินการกับนายปรีชาและเจ๊บ้าบิ่น ให้เสร็จสิ้นเสียก่อน จึงจะมีการพิจารณาเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องต่อไป



+++ความเคลื่อนไหวด้านเศรษฐกิจ นางสาวกัณญภัค ตันติพิพัฒน์พงศ์ ประธานสภาผู้ส่งออกสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย(สรท.) ยืนยัน เป้าหมายการส่งออกปีนี้ว่า จะขยายตัวร้อยละ 5.5 ภายใต้สมมุติฐานเงินบาท อยู่ที่ 31.5 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ แม้ว่า การส่งออก ปรับตัวดีขึ้นมาก โดยจะขอติดตามตัวเลขการส่งออกในเดือนกุมภาพันธ์และมีนาคมก่อนประเมินตัวเลขการส่งออกต่อไป และต้องติดตามประเด็นที่อาจส่งผลกระทบ ได้แก่ นโยบายหรือมาตรการภาครัฐที่ประกาศเพิ่ม ด้านเงินบาท ต้องการให้มีเสถียรภาพ หลังจากขณะนี้ต่างชาติสนใจเข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้น เช่น โครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ซึ่งจะทำให้เงินบาทแข็งค่า จึงต้องการให้ภาครัฐ ช่วยดูแลให้เงินบาทมีเสถียรภาพให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ อยากเห็นที่ 31.50-32 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ   



+++ส่วนสถานการณ์การส่งออก ประจำเดือนมกราคม  2561  ขยายตัวร้อยละ 17.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน นับเป็นอัตราการขยายตัวของการส่งออกที่สูงสุดในรอบ 5 ปี 2เดือน ด้วยมูลค่า 20,101 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ การส่งออกในรูปเงินบาท คิดเป็นมูลค่า 652,511 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ  7.1 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกัน



+++ส่วนการนำเข้า มีมูลค่า 20,220  ล้านดอลลาร์สหรัฐ ฯขยายตัวร้อยละ  24.3  เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับเมื่อปีที่แล้ว คิดเป็นยอดนำเข้ารูปเงินบาท 664,643 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 7.7 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมา 



+++นายชัยชาญ เจริญสุข เลขาธิการ สรท.  กล่าวว่า  ปัจจัยบวกต่อการส่งออกปีนี้ ได้แก่ การขยายตัวของเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องของโลกและประเทศคู่ค้าหลัก เช่น จีน ญี่ปุ่น สหรัฐฯ และกลุ่มประเทศ CLMV เป็นต้น และประเทศคู่ค้าศักยภาพ เช่น เอเชียใต้ รัสเซียและ CIS, ปัจจัยการเพิ่มขึ้นของการนำเข้าเครื่องจักรเพื่อเพิ่มผลิตภาพของการผลิตระยะยาว รวมถึงการเร่งนำเข้าสินค้าทุนเพื่อช่วยลดต้นทุนในช่วงที่ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น และปัจจัยทิศทางราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้น ส่งผลให้ราคาสินค้าเกษตร และราคาสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมันปรับสูงขึ้นและทำให้กลุ่มประเทศผู้ค้าน้ำมันมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น



+++สิ่งที่น่ากังวลคือ การปรับเปลี่ยนนโยบายอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ซึ่งยังไม่คิดว่าจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐจริง ๆ ในช่วงนี้  ส่วนราคาน้ำมันดิบดูไบปีนี้ ทิศทางเพิ่มขึ้นปีนี้จะอยู่ที่ 62-67 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล



+++พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยว่า กทม.เตรียมจัดกิจกรรม ปิดไฟ 1 ชั่วโมงเพื่อลดโลกร้อน (60+ Earth Hour 2018)  ซึ่งปีนี้ กทม.ร่วมกับมูลนิธิสิ่งแวดล้อมศึกษาเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน(ประเทศไทย) องค์กร WWF ประเทศไทย องค์กรภาครัฐ เอกชน และกลุ่มเครือข่าย กำหนดจัดกิจกรรมขึ้นในวันเสาร์ที่ 24 มี.ค. เวลา 20.30 -21.30 น. ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซ่า แกรนด์ พระราม 9 โดยตั้งเป้าลดการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นจากปี 2560 อีกร้อยละ 10 ขณะเดียวกัน จะมีกิจกรรมรณรงค์ทั่วพื้นที่กรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ 17 -24 มี.ค.เชิญชวนประชาชนร่วมประหยัดพลังงาน ปิดไฟดวงที่ไม่ได้ใช้งาน



+++การลงทุนในตลาดหุ้นไทย เคลื่อนไหวในแดนลบตลอดทั้งวัน มาจากแรงขายจากกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี หลังจากก่อนหน้านี้ราคาได้ปรับขึ้นไปมากแล้ว รวมถึงราคาน้ำมันดิบปรับลดลง รวมถึงความกังวลจากปัจจัยต่างประเทศ ส่งผลให้ปิดตลาดที่ 1,811.98 จุด ลดลง 18.15 จุด มูลค่าการซื้อขาย 70,322.88 ล้านบาท



+++การลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศ ดัชนีนิเคอิ ตลาดหุ้นโตเกียว ญี่ปุ่น ปิดร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์ในวันนี้ เนื่องความวิตกกังวลเกี่ยวกับนโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ประกาศว่า จะเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียม ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวส่งผลให้เกิดแรงเทขายในตลาดหุ้นทั่วโลก ดัชนี ร่วงลง 542.83 จุด ปิดที่ 21,181.64 จุด



+++ดัชนีฮั่งเส่ง ตลาดหุ้นฮ่องกง ปิดร่วงลงอย่างหนักในวันนี้ เช่นเดียวกับตลาดหุ้นทั่วโลก จากประเด็นดังกล่าว ดัชนีปิดร่วงลง 460.80 จุด ที่ 30,583.45 จุด



 



 



 



 



 

ข่าวทั้งหมด

X