*เมืองไทยวันนี้ 7.30 น.*

01 กันยายน 2557, 07:48น.


ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เผยแพร่ประกาศ แต่งตั้งคณะรัฐมนตรีเมื่อวานนี้จำนวน 32 คน ซึ่งนายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการคณะรัฐมนตรี เปิดเผยว่ากำหนดการพิธีเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับตำแหน่งของนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี (ครม.) จะมีการแจ้งให้ทราบต่อไป



นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี แจ้งให้ ครม.ไม่เดินทางไปไหนในช่วงระหว่างวันที่ 2-4 กันยายนนี้ นอกจากนี้ นายกฯ จะแถลงนโยบายต่อรัฐสภาก่อนเข้าบริหารราชการแผ่นดิน แต่ยังไม่ได้กำหนดว่าจะเป็นเมื่อใด ซึ่งได้เตรียมร่างเนื้อหาไว้แล้ว แม้จะยังไม่ได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภา รัฐมนตรีสามารถเริ่มปฏิบัติหน้าที่ได้ทันทีในกรณีจำเป็นเร่งด่วน



ส่วนที่ทำเนียบรัฐบาลมีการเร่งปรับปรุงอาคารสถานที่และภูมิทัศน์ รวมถึงในอีก 1-2 วันนี้ชุดปฏิบัติการเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด หรือ อีโอดี กองทัพบก และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) จะตรวจสอบพื้นที่ ซึ่งม.ล.ปนัดดา ดิศกุล ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าในวันนี้ จะตรวจสอบความเรียบร้อยเป็นครั้งสุดท้าย



ด้านนายตวง อันทะไชย สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการยกร่างข้อบังคับการประชุม สนช. กล่าวว่าการพิจารณายกร่างข้อบังคับเสร็จแล้วและได้สรุปรายงานเสนอต่อประธาน สนช.เพื่อบรรจุเข้าสู่วาระการประชุมในวันพฤหัสบดีที่ 4 กันยายนนี้ โดยประเด็นที่สำคัญ และถือเป็นมาตรฐานสูงสำหรับนักการเมืองซึ่งไม่เคยมีการบัญญัติในรัฐธรรมนูญฉบับใดมาก่อน คือ ข้อบังคับเกี่ยวกับการสิ้นสมาชิกภาพ ซึ่งมีการกำหนดว่า หากสมาชิก สนช. ไม่แสดงตนเพื่อการลงมติในการประชุมสภา สนช. โดยขาดการประชุมเกิน 1 ใน 3 ตามวงรอบ 3 เดือน หรือ 90 วัน ก็จะสิ้นสุดสมาชิกภาพทันที ยกเว้น บุคคลที่ประธาน สนช.มอบหมายให้เป็นตัวแทนปฏิบัติหน้าที่ต่างๆ หรือ ติดภารกิจ หรือ ป่วย ก็จะพิจารณาเป็นรายบุคคล ทั้งนี้ในแต่ละเดือนทางสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการสภานิติบัญญัติจะรวบรวมผลการลงมติในการเข้าประชุมเพื่อให้สมาชิกได้ตรวจสอบและถือเป็นการแจ้งเตือนให้ทราบ สำหรับการถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองข้อบังคับเป็นไปตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 เพียงแต่ปรับให้สอดคล้องเชื่อมโยงรัฐธรรมนูญชั่วคราว พ.ศ. 2557 นอกจากนี้มีประเด็นที่สำคัญคือคณะกรรมาธิการสามัญประจำ สนช.ทางกมธ.ได้มีมติให้มีจำนวน 15 คณะ



ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ซึ่งเปิดรับการเสนอบุคคลเข้ารับการสรรหาเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.)  ในวันที่ 31 สิงหาคม ซึ่งเป็นการเปิดรับการเสนอชื่อเป็นวันที่ 18 นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการ กกต. คาดว่าจะมีผู้เสนอชื่อเข้ารับการสรรหาเป็น สปช.สูงกว่าที่ กกต.ตั้งเป้าหมายไว้ที่ 3,000 คน โดยขณะนี้ มีผู้เสนอรายชื่อทั้งส่วนกลางและต่างจังหวัดแล้ว 4,797 คน



โดยในวันที่ 4 กันยายนนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช.จะเป็นประธานมอบแนวทางการปฏิบัติงานเกี่ยวกับการสรรหา สปช.ให้แก่คณะกรรมการสรรหาสปช.ทั้ง 11 ด้าน  และคณะกรรมการสรรหาระดับจังหวัด



ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เตรียมปรับโครงสร้างราคาก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) และก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (เอ็นจีวี) ภายหลังมีคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่เรียบร้อยแล้ว และนับเป็นการปรับโครงสร้างราคาก๊าซ ต่อจากการปรับโครงสร้างราคาน้ำมันรอบแรกเมื่อวันที่ 29 สิงหาคมผ่านมา ซึ่งเป็นไปตามมาตรการเร่งด่วนปรับโครงสร้างราคาน้ำมันและก๊าซของ คสช. แต่การปรับโครงสร้างราคาจะเป็นลักษณะทยอยปรับขึ้น เพื่อไม่ให้กระทบต่อค่าครองชีพของประชาชนมากนัก



โดยแอลพีจี เบื้องต้นกระทรวงพลังงานได้เสนอปรับขึ้นราคาในอัตราเดือนละ 62 สตางค์ต่อกิโลกรัม และไปสิ้นสุดที่ราคาต้นทุนที่ 24.82 บาทต่อกิโลกรัม อย่างไรก็ตาม ราคาแอลพีจีอุตสาหกรรมในไทยนั้นถูกตรึงราคาตามราคาเพดานสูงสุดไว้ที่ 30.13 บาทต่อกิโลกรัม ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2556 จนถึงปัจจุบัน ** แต่มีแนวโน้มว่าการประกาศแอลพีจีภาคอุตสาหกรรมเดือนกันยายนจะปรับลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 13 เดือน **



ส่วนราคาเอ็นจีวี จะต้องปรับขึ้นจากราคาปัจจุบันที่จำหน่ายอยู่ 10.50 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งต้นทุนแท้จริงปรับขึ้นไป 15-16 บาทต่อกิโลกรัมแล้ว แต่ต้องรอให้แอลพีจีปรับขึ้นไประยะหนึ่งก่อนจึงจะขึ้นราคาเอ็นจีวีตาม



*-*

ข่าวทั้งหมด

X