คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ หรือ UNSC มีมติเป็นเอกฉันท์ด้วยการสนับสนุนจากรัสเซียอนุมัติข้อมติเรียกร้องการหยุดยิงในซีเรียเป็นเวลา 30 วัน เพื่อให้เจ้าหน้าที่บรรเทาทุกข์จัดส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและยาเข้าไปในพื้นที่สู้รบในเขตกูตาตะวันออกได้ มตินี้มีขึ้นหลังซีเรียสู้รบอย่างหนักในพื้นที่กูตาตะวันออก ฐานที่มั่นสุดท้ายของฝ่ายกบฏ กองทัพรัฐบาลซีเรียได้ปิดล้อมปฏิบัติการทั้งภาคพื้นดินและทางอากาศโจมตีอย่างหนักเพื่อยึดคืนพื้นที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตตลอด 7 วันที่ผ่านมาแล้วกว่า 500 คน บาดเจ็บกว่า 2,000 คน
แต่หลังการลงมติจบลง เครื่องบินรบซีเรียซึ่งได้รับการสนับสนุนจากรัสเซียก็ยังบุกโจมตีพื้นที่ กลุ่มสังเกตการณ์สิทธิมนุษยชนซีเรียที่ตั้งอยู่ในสหราชอาณาจักรรายงานว่า มีเด็กเสียชีวิตในปฏิบัติการทิ้งระเบิดเป็นจำนวนอย่างน้อย 127 คน ในยอดผู้เสียชีวิตทั้งหมด 519 คน แต่รัสเซียปฏิเสธการมีส่วนร่วมปฏิบัติการ ขณะที่นายอันโตนิโอ กูแตร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ บรรยายสถานการณ์ในเขตกูตาตะวันออกนี้ว่า เป็นนรกบนดิน
เป็นที่น่าสังเกตว่า การลงมติของ UNSC ต้องล่าช้ากว่ากำหนดเดิมเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา เนื่องจากบรรดานักการทูตต้องใช้เวลาโน้มน้าวอย่างหนัก เพื่อให้รัสเซียซึ่งให้การสนับสนุนทางการทหารแก่ประธานาธิบดีบาซาร์ อัลอัสซัด ของซีเรีย เห็นชอบข้อมติ จนถูกนางนิกกี เฮลีย์ ทูตสหรัฐฯ ประจำสหประชาชาติ กล่าวเสียดสีว่า ในแต่ละนาทีที่รัสเซียพิจารณาจนตัดสินใจสนับสนุนข้อมติก็ต้องมีผู้ทนทุกข์ทรมานมากขึ้น แต่ทูตรัสเซียประจำสหประชาชาติได้ปฏิเสธข้อกล่าวหานี้ เพื่อชนะการรับรองข้อมติจากรัสเซีย ทั้งคูเวตและสวีเดนต้องยอมถอนข้อเสนอให้มาตรการหยุดยิงมีผลบังคับใช้ทันทีใน 72 ชั่วโมง โดยใช้คำว่า ต้องไม่ล่าช้า อย่างไรก็ดี ข้อมติหยุดยิงมิได้ครอบคลุมปฏิบัติการปราบปรามกลุ่มไอเอสหรือกลุ่มอัลกออิดะฮ์ หรือแม้แต่กลุ่มบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มก่อการร้าย โดยรัฐบาลซีเรียจะยังปฏิบัติการเชิงรุกปราบปรามกลุ่มญิฮัดที่มีความเชื่อมโยงกับกลุ่มอัลกออิดะฮ์ในเมืองอิดลิบ แต่ผู้คนที่อาศัยอยู่ในเขตกูตาตะวันออก เชื่อว่า ข้อมตินี้คงไม่มีผลอะไร ทั้งรัฐบาลซีเรียและรัสเซียคงจะนิ่งเฉยไม่สนใจข้อมติ ในขณะที่ประชาชนราว 400,000 คน ซึ่งตกอยู่ในพื้นที่ปิดล้อมก็ไม่สามารถหลบหนีออกไปไหนได้ด้วย
..
(0740 F171)