รองนายกรัฐมนตรี ขออย่าคาดคั้นวันปลดล็อกเลือกตั้งท้องถิ่น เพราะต้องดูองค์ประกอบหลายด้าน

กรณีที่นายวิษณุ เครืองาม  รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย เปิดเผยว่าเตรียมปลดล็อคคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) การเลือกตั้งท้องถิ่นในปี 2561 

นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ได้ระบุว่าจะมีการปลดล็อคในเดือนมิถุนายน 2561 แต่คาดการณ์ว่า จะปลดล็อคในช่วงใด ซึ่งทราบว่าการเลือกตั้งท้องถิ่นได้ ต้องมีองค์ประกอบ 4 ข้อ ส่วนที่นายสมชัย ศรีสุทธิยากร คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ระบุว่าจะมีการเลือกตั้งในเดือน สิงหาคม 2561 ก็ไม่ทราบว่านายสมชัยทราบได้อย่างไร เพราะเรื่องนี้ยังมีข้อถกเถียงในรัฐสภา เรื่องของคณะกรรมการการเลือกตั้งชุดใหม่ พร้อมยืนยันว่าไม่มีการปลดล็อคในเดือนมิถุนายนอย่างแน่นอน เพราะหากมีการประกาศใช้กฎหมายในเดือนมิถุนายน ก็จะมีผล อีก 90 วัน คือเดือนกันยายน ทำให้การเลือกตั้งเกิดขึ้นภายใน 150 วัน อย่างไรก็ตามมีความเป็นไปได้ว่าจะมีการปลดล็อคตั้งแต่เดือนกันยายน เนื่องจากการเลือกตั้งท้องถิ่น ต้องดำเนินการหาเสียงและประชุมใหญ่ได้ รวมถึงวางตัวผู้สมัครลงเลือกตั้งท้องถิ่น ทั้งนี้การปลดล็อกเพื่อให้ทำการหาเสียงต้องรอพระราชกฤษฎีกากำหนดวันเลือกตั้ง จึงสามารถทำได้ ยืนยันว่าจะมีการเลือกตั้งท้องถิ่นบางระดับได้ในปีนี้ เช่น องค์การบริหารส่วนจังหวัดหรือ อบจ. แต่ก็ไม่ทั้งหมด ในพื้นที่ 76 แห่ง

นายวิษณุ ยังกล่าวถึง กรณีที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ระบุว่าจะไม่มีการคว่ำร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา จะทำให้โรดแมปการเลือกตั้งนิ่ง ซึ่งนายวิษณุ ยอมรับคำว่าโรดแมปนิ่ง แต่ไม่ยืนยันว่าจะเกิดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์หรือไม่ ขอสื่ออย่ามาคาดคั้นวันและเวลา เพราะอย่างไรต้องทำตามขั้นตอน 

ส่วนกรณีการทุจริตโกงเงินสงเคราะห์ผู้มีรายได้น้อยและผู้ติดเชื้อเอดส์ ของศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง 70 ศูนย์ทั่วประเทศ นายวิษณุ กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่มีช่องโหว่ทางกฎหมาย รัฐบาลทราบเรื่องมานานแล้ว และทางกระทรวงพัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์ ก็ได้ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง ตั้งแต่ นายไมตรี อินทุสุต เป็นปลัดกระทรวง จึงไม่มีจุดอ่อนในเรื่องนี้ หากพบก็ต้องดำเนินการ คาดจะมีความเคลื่อนไหวเร็วๆนี้ รวมถึงได้กล่าวชมนักศึกษามหาสารคามที่ชี้เบาะแสให้รัฐบาล ยืนยันว่าเรื่องนี้มีการสอบสวนก่อนเดือนกันยายน 2560 และเมื่อพบการทุจริต จึงไปสู่การตั้งกรรมการสอบวินัย จนพบว่ามีการดำเนินการเป็นขบวนการ ทั้งนี้ไม่จำเป็นที่ต้องใช้ มาตรา 44 ของคำสั่งหัวหน้า คสช. ในการพักงาน เพราะมาตราอื่นก็ใช้ได้ ส่วนจะใช้การสอบสวนทางวินัยหรือไม่ ให้รอดู เพราะอาจจะเกิดการผิดพลาด หากเร่งรีบสรุปเรื่อง เนื่องจากต้องดำเนินการซัดทอดก่อน เพื่อป้องกันการตัดตอน

...

ผสข.เกตุกนก ครองคุ้ม