นโยบายยกเลิกนำเข้าสินค้าเกษตรจากโปแลนด์ของรัสเซียที่มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. เป็นต้นมา เพื่อตอบโต้มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจจากสหภาพยุโรป ( อียู ) ที่ต้องการ "ลงโทษ" รัสเซียเรื่องยูเครน จะส่งผลให้แอปเปิ้ลล้นตลาดโปแลนด์ภายในปีนี้ หลังจากแอปเปิ้ลเป็นผลไม้สำคัญที่โปแลนด์ส่งออกไปยังรัสเซีย โดยสถิติเมื่อปีที่แล้วอยู่ที่ 677,000 ตัน คิดเป็น ร้อยละ56 ของแอปเปิ้ลทั้งหมดที่มีการผลิตในประเทศ
จากนั้นเป็นต้นมา ชาวโปแลนด์ปลุกกระแสต่อต้านมาตรการดังกล่าวของรัสเซีย ด้วยโครงการ "กินแอปเปิ้ลยั่วปูติน" ด้วยการอัดวีดีโอคลิปหรือถ่ายภาพเซลฟีขณะกำลังรับประทานแอปเปิ้ล แล้วโพสต์ผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นยูทูบ เฟซบุ๊ค หรือทวิตเตอร์ ที่มีผู้เข้าร่วมอย่างมากมายจากทั้งในและต่างประเทศ ไม่เว้นนักการเมืองชั้นผู้ใหญ่อย่างนายราโดสลอว์ ซิกอร์สกี รมว.กระทรวงการต่างประเทศโปแลนด์ ซึ่งนำแอปเปิ้ลมาแจกผู้สื่อข่าว ในการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอียู ที่เมืองมิลาน เมื่อวันศุกร์
ประธานาธิบดีดาเลีย กรีเบาสไกเต ผู้นำหญิงแห่งลิทัวเนีย ให้คำจำกัดความรัสเซียว่าเป็นประเทศคู่ค้าที่ "ไว้ใจไม่ได้และคาดเดายาก" นอกจากผลไม้สำคัญของยุโรปอย่างแอปเปิ้ลจะได้รับผลกระทบแล้ว ผู้ผลิตสินค้าประเภทอาหารนมก็เดือดร้อนไม่น้อย คณะกรรมาธิการยุโรป ( อีซี ) ตัดสินใจยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเกษตรกรในยุโรป ด้วยการประกาศรับซื้อเนย นมผงขาดมันเนย และชีสบางชนิดเป็นการชั่วครา สถิติของอีซีระบุยอดการส่งออกสินค้าอาหารจากยุโรปไปยังรัสเซียเมื่อปีที่แล้ว ทั้งนม เนื้อ ไข่ ผักและผลไม้ มีมูลค่ารวมสูงถึง 15,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 521,400 ล้านบาท ) คิดเป็น ร้อยละ 10% ของสินค้าเกษตรทุกประเภทที่มีการส่งไปจำหน่ายในรัสเซีย มาตรการดังกล่าวไม่ส่งผลดีกับทั้งสองฝ่ายในระยะยาวแน่นอน เพราะขณะนี้ รัสเซียต้องเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อที่รุนแรงมากขึ้น โดยสถิติปัจจุบันอยู่ที่ ร้อยละ 7.5