การลงพื้นที่ รุกป่าอุทยานแห่งชาติสิรินาถ อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ซึ่งในวันนี้ นายนิพนธ์ โชติบาล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมนายสมัคร ดอนนาปี ผอ.สำนักอุทยานแห่งชาติฯ กรมอุทยานฯ ได้ลงพื้นที่ เพื่อติดตามผลการปฏิบัติการทวงคืนผืนป่า พร้อมร่วมประชุมกับนายกิตติพัฒน์ ธาราภิบาล หัวหน้าอุทยานแห่งชาติสิรินาถ อ.ถลาง จ.ภูเก็ต เพื่อตรวจสอบ และหาแนวทางโต้แย้งและคัดค้านกรณีที่กรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทย ได้แจ้งว่า มีการออกเอกสารโดยชอบให้กับโรงแรมหรู 8 ราย รวม 52 แปลง โดยภาพถ่ายที่ปรากฏว่ามีการใช้ประโยชน์ในพื้นที่จะเริ่มตั้งแต่ปี 2552 เป็นต้นมา คือ มีการบุกรุก สร้างโรงแรม และสิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ เกิดขึ้น จากนั้น ได้ร่วมประชุมกับ นายประสาท พงษ์ศิวาภัย กรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะประธานอนุกรรมการไต่สวนคดีการออกโฉนดโดยมิชอบในพื้นที่อุทยานฯ สิรินาถ พบว่า พื้นที่ทุกแปลง ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงแรมล้วนเป็นสภาพป่าทั้งสิ้น โดยเฉพาะในส่วนของโรงแรมของบริษัทลายัน ภูเก็ต ปรากฏว่ามีการออกโฉนดในส่วนที่เป็นพื้นที่น้ำทะเลถึงร้อยละ 70 ซึ่งสร้างความตกตะลึงให้กับคณะกรรมการ ป.ป.ช.เป็นอย่างยิ่ง เพราะคิดไม่ถึงว่าจะมีการนำพื้นที่น้ำทะเลไปออกโฉนดได้ รวมทั้งพื้นที่ที่เป็นป่าดั้งเดิมตั้งแต่ปี 2493 จากนั้น นายนิพนธ์ ได้มอบเอกสารหลักฐานทั้งหมดรวมทั้งสำนวนคดีของบริเวณทรีดอลฟินซ์ จำกัด ซึ่ง ป.ป.ช. กำลังอยู่ระหว่างการไต่สวนคดีให้กับปปช.ด้วย ซึ่ง นายประสาท ยืนยันว่า จะดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็วที่สุด เพราะว่าคดีดังกล่าวเป็นที่สนใจของสังคม และจะขยายผลสอบสวนไปถึงลูกหลานของผู้ครอบครอง ส.ค.1 ด้วย
ด้านนายณรงค์ รัฐอมฤต กรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะอนุกรรมการไต่สวนฯเรียกร้องให้ คสช. ยกเลิก ส.ค.1 ทั่วประเทศ โดยอาจจะมีเงื่อนไข ว่าให้ผู้ที่มี ส.ค.1 มาขึ้นทะเบียนเพื่อ จำกัดและรู้จำนวนที่แท้จริง จะได้หาวิธีในการกำจัด ส.ค. 1 ที่จะบินหรือบวมในพื้นที่อุทยานฯ หรือป่าสงวนฯ ทั่วประเทศได้ เพราะต้องยอมรับว่ากลุ่มนายทุนที่บุกรุกป่า มีทั้งเงิน มีทั้งกฎหมายอยู่ในมือ มีทั้งพวกพ้อง ถ้าไม่สามารถจัดการกับ ส.ค.1 หรือแก้กฎหมายได้ ไม่มีทางที่จะรักษาป่าไว้ได้แน่นอน