สนช.เตรียมให้ความเห็นชอบกกต.ชุดใหม่ วันพฤหัสฯ นี้

หลังการประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วิปสนช.) นายแพทย์เจตน์ ศิรธรานนท์ ในฐานะโฆษกวิปสนช. เปิดเผยว่า ในสัปดาห์นี้ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) มีกำหนดประชุมสองวัน คือ วันพฤหัสบดี และวันศุกร์ โดยวันพฤหัสบดี มีวาระสำคัญสองเรื่อง คือ การเห็นชอบให้บุคคลดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) จำนวน 7 คน ซึ่งจะเป็นการพิจารณาทั้งการพิจารณาลับและการลงคะแนนแบบเปิดเผย ถ้าหากสนช.ไม่เห็นด้วยกับใครคนหนึ่ง ต้องสรรหาบุคคลอื่นมาแทนใหม่ ขณะนี้ ยังระบุไม่ได้ว่ามีใครขาดคุณสมบัติการเป็นกกต.หรือไม่

สำหรับกกต.ชุดใหม่ที่จะได้รับการเห็นชอบมีกำหนดเริ่มงานเดือนเมษายน โดยได้รายชื่อบุคคลที่ควรเป็นกกต.ทั้ง 7 คนแล้ว เหลือรอความเห็นชอบจากสนช. ประกอบด้วย 1. นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ 2. นายเรืองวิทย์ เกษสุวรรณ 3. นางชมพรรณ์พงษ์เจริญ สุธีรชาติ 4. นายประชา เตรัตน์  5. นายปกรณ์ มหรรณพ 6. นายฉัตรไชย จันทร์พรายศรี 7. นายอิสสรีย์ หรรษาจรูญโรจน์

ส่วนวาระพิจารณาอีกเรื่องในวันพฤหัสบดีคือ การเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติการยาสูบแห่งประเทศไทย ในวาระที่ 2 และ 3 เพื่อประกาศใช้เป็นกฎหมาย

วันศุกร์ มีวาระพิจารณาร่างพระราชบัญญัติกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา ที่ต้องมีขึ้นตามมาตรา 54 วรรค 6 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2560 ซึ่งร่างดังกล่าวต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 5 เมษายน เพราะรัฐธรรมนูญกำหนดให้กองทุนนี้ ต้องจัดตั้งภายใน 1 ปี นับตั้งแต่รัฐธรรมนูญประกาศใช้ กองทุนดังกล่าวมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน โดยจะช่วยผู้ด้อยโอกาสทางการศึกษาให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนการกู้ยืมเพื่อการศึกษามากขึ้นผ่านการให้เปล่า ให้ยืม และให้กู้

ขณะเดียวกัน วิปสนช.ยังเห็นชอบบรรจุร่างพระราชบัญญัติธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ให้เข้าสู่ที่ประชุมสนช.ในวันที่ 15 มีนาคม เป้าหมายสำคัญของร่างนี้คือ ให้ธปท.มีอำนาจดูแลสถาบันการเงินที่ประสบวิกฤติ เพราะถ้ามีกรณีฉุกเฉิน แล้วธปท.ไม่มีอำนาจเพียงพอ จะทำให้การช่วยเหลือเป็นไปลำบาก นอกจากนี้ในวันที่ 9 มีนาคม จะมีการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติวัตถุอันตรายอีกฉบับด้วย

นายแพทย์เจตน์ ระบุว่า พรุ่งนี้จะมีการประกาศเกี่ยวกับดัชนีคอรัปชั่นโลก ซึ่งน่าจะมีผลต่อประเทศไทยและรัฐบาลในทางใดทางหนึ่ง เพราะดัชนีดังกล่าวเป็นดัชนีทางการที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก

ผู้สื่อข่าว : ธีรวัฒน์ สิทธิเกรียงไกร