หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงคลิปเสียงนายแพทย์ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ที่วิจารณ์พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเรื่องนาฬิกาหรู ว่า ไม่ใช่การวิพากษ์วิจารณ์กัน แต่เป็นการพูดคุย ตามที่นายแพทย์ธีระเกียรติ ได้ชี้แจงไปแล้ว ซึ่งไม่ได้มีปัญหาส่วนตัวกัน พร้อมยืนยันว่า ครม. ไม่มีรอยร้าว หรือสั่นคลอนใดๆ ทุกคนรักกันดี มีอะไรก็พูดคุย ทำอะไรผิดก็ขอโทษกัน โดยต้องระงับความขัดแย้งให้ได้
ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าว ได้พยายามสอบถามถึงบรรยากาศ และระยะเวลาในการหารือกับนายแพทย์ธีระเกียรติ นายกรัฐมนตรีตั้งคำถามย้อนกลับสื่อว่า ทำไมต้องคุยนาน ก่อนจะยกนาฬิกาขึ้นมาดูเวลา พร้อมกล่าวว่า ประมาณ 5 นาที 15 วินาที พร้อมเตือนสื่อระวังจะกลายเป็นโดมิโน่เอง หลังถามกรณีกระแสข่าวพล.อ.ประวิตร ว่าจะกระทบต่อคณะรัฐมนตรีหรือไม่
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายบอริส จอห์นสัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหราชอาณาจักร เข้าเยี่ยมคารวะเมื่อวานนี้ว่า ไม่มีการหารือเรื่องการขอตัวนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีกลับมาดำเนินคดีในไทย เนื่องจากมีหน่วยงานดำเนินการอยู่แล้ว การขอตัวกลับมาดำเนินคดีที่ไทย ต้องขึ้นอยู่กับประเทศต้นทางว่าจะให้หรือไม่ โดยตนเองก็สร้างความเข้าใจและชี้แจงเรื่องการทำผิดกฎหมายในไทยให้แต่ละประเทศพิจารณาแล้ว แต่ละประเทศก็ให้ความร่วมมือและให้ข้อมูลมา แต่เมื่อถามว่าจะส่งตัวกลับมาให้หรือไม่ ประเทศต้นทางก็เงียบไป เพราะกฎหมายและหลักการของแต่ละประเทศต่างกัน และอาจมองว่าเป็นประเด็นการเมือง ทั้งนี้หากเจ้าตัวเดินทางกลับมาสู่ประเทศไทยก็จะสามารถดำเนินคดีได้ จึงขอสื่อมวลชนให้ความสำคัญกับการพัฒนาและเดินหน้าประเทศมากกว่า ส่วนเรื่องอื่นๆ ก็ให้เป็นหน้าที่ของแต่ละหน่วยงาน
ส่วนเรื่องหนังสือเดินทางของนางสาวยิ่งลักษณ์ ยืนยันว่า ไม่มีหนังสือเดินทางของประเทศไทยเพราะถอนหมดแล้ว แต่ต่างประเทศก็สามารถออกหนังสือเดินทางให้ได้ในรูปแบบการทำการค้าหรือการท่องเที่ยว จึงขอให้เข้าใจสถานการณ์โลก นายกรัฐมนตรียังได้เปรยว่า ที่ตอบผู้สื่อข่าวส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องที่กระพี้เช่นกัน
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เมื่อวานนี้ก็มีตัวแทนทั้งฝรั่งเศสและอังกฤษมาพบ เป็นคู่ค้าที่สำคัญจึงต้องให้เกียรติซึ่งกันและกัน โดยประเทศดังกล่าวก็ให้กำลังใจในการเดินหน้าไปสู่ประชาธิปไตยและการเลือกตั้ง ส่วนตัวยืนยันว่า จะดำเนินการตามขั้นตอนและกฎหมาย หากมีการขยายระยะเวลา ก็อาจจะขยับไปประมาณ 90 วันซึ่งเป็นไปตามกฏหมาย ไม่ใช่เรื่องที่ตัวเองเป็นผู้กำหนด จึงขออย่านำมาเป็นประเด็นว่าตนเองพูดไปแล้วแต่กลับคำเพราะตนเองกลับคำพูดไม่ได้ เนื่องจากอยู่ในขั้นตอนของโรดแมป หากจะล่าช้าหรือเร็วต้องขึ้นอยู่กับกฎหมายลูก ซึ่งก็ไม่อยากให้มีการแก้ไขมาก ถ้าไม่ใช่เรื่องที่สำคัญและจำเป็น
ส่วนกรณีที่มีนักการเมืองไทยบินไปพบนายทักษิณและนางสาวยิ่งลักษณ์ ที่ต่างประเทศ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า สามารถไปได้ เพราะในอดีต ตนเองให้ขออนุญาตก็เป็นเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชน จึงให้เกียรติ โดยไม่ต้องขออนุญาตกับตนเอง แต่หากไปแล้วทำความผิดและเคลื่อนไหวในแนวทางที่ล้มล้างรัฐบาลก็สามารถขอข้อมูลจากฝ่ายความมั่นคงได้
ทั้งนี้นายก ยังปฏิเสธถึงกรณีที่ตนเองนั้นมีการแสดงอารมณ์ทุกครั้งที่เอ่ยถึง 2 อดีตนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่าไม่ได้แสดงอารมณ์กับบุคคลดังกล่าว เพราะให้เกียรติในฐานะที่เคยเป็นอดีตนายกรัฐมนตรี จะผิดหรือถูกก็ต้องเป็นเรื่องของกฎหมาย แต่ที่แสดงอารมณ์เป็นเพราะคำถามของสื่อมวลชน โดยตนเองระบุว่าสื่อสนใจแต่เรื่องนี้ ซึ่งเป็นเพียงแค่กระพี้ นายกรัฐมนตรี ชี้แจงคำว่ากระพี้ ว่า สื่อมวลชนสนใจแต่ข่าวเปลือกนอก โดยไม่สนใจสาระสำคัญ ทำให้เจ้าหน้าที่มีปัญหาในการทำงาน รวมถึงกระบวนการยุติธรรมที่ขาดความเชื่อถือ ดังนั้นสื่อต้องช่วยรัฐบาลสร้างความเข้าใจ
ผู้สื่อข่าว: ปิยะธิดา เพชรดี