เพิ่มข้อหาเปรมชัยและพวกติดสินบนเจ้าหน้าที่/เงินสะพัดตรุษจีนและวาเลนไทน์เพราะของแพงขึ้น

ความคืบหน้าการดำเนินคดีนายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารบริษัทอิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด มหาชน และพวก  ซึ่งพล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) เปิดเผยผลการตรวจสอบคลิปเสียง ซึ่งชัดเจนว่า นายเปรมชัย มีความพยายามติดสินบนเจ้าพนักงาน จึงให้ นายวิเชียร ชิณวงษ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก ไปร้องทุกข์ กับตำรวจ บก.ปปป. และกล่าวโทษ นายเปรมชัย และพวกฐานให้สินบนเจ้าพนักงาน

ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พล.ต.อ. วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช. เปิดเผยการตรวจสอบนาฬิกาของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ว่า ทางเลขาธิการคณะกรรมการป.ป.ช. รายงานความคืบหน้าคดี 2 ครั้งแล้ว หากเจ้าหน้าที่ดำเนินการสอบสวนเบื้องต้นแล้วเสร็จ ก็จะแจ้งให้ที่ประชุมรับทราบภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้

ส่วนการเปิดเผยบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน พร้อมเอกสารประกอบของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองของรัฐมนตรีในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กรณีพ้นจากตำแหน่งครบ 1 ปี เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2560 จำนวน 3 ราย ได้แก่ ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี, นายพิเชษฐ ดุรงคเวโรจน์ เมี่อครั้งดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี, นายธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีช่วยว่าการ

บัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของม.ล.ปนัดดา พบว่า เมื่อเข้ารับตำแหน่งมีทรัพย์สิน 1,315,332,228 บาท ส่วนเมื่อวันที่พ้นจากตำแหน่งครบ 1 ปีมีทรัพย์สิน 1,319,750,225 บาท ซึ่งพบว่า เพิ่มขึ้นประมาณ 4 ล้านบาท จากเงินฝากและเงินลงทุน

บัญชีทรัพย์สินของนายพิเชษฐ พบว่าเมื่อวันที่เข้ารับตำแหน่งมีทรัพย์สิน 68,436,865 บาท ส่วนเมื่อวันที่พ้นจากตำแหน่งครบ 1 ปีมีทรัพย์สิน 78,765,248 บาท ซึ่งพบว่าเพิ่มขึ้นประมาณ 10 ล้านบาท จากเงินฝากและเงินลงทุน

บัญชีทรัพย์สินของนายธีระเกียรติ พบว่าเมื่อวันที่เข้ารับตำแหน่งมีทรัพย์สิน 37,883,183 บาท ส่วนเมื่อวันที่พ้นจากตำแหน่งครบ 1 ปีมีทรัพย์สิน 41,222,034 บาท ซึ่งพบว่าเพิ่มขึ้นประมาณ 4 ล้านบาท จาก เงินลงทุน ที่ดิน โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง

ใกล้ช่วงเทศกาลตรุษจีน นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลการสำรวจจากกลุ่มตัวอย่าง 1,200 รายคาดว่าจะมีเม็ดเงินสะพัดกว่า 56,860 ล้านบาท สูงสุดนับตั้งแต่เริ่มสำรวจค่าใช้จ่ายช่วงตรุษจีนเมื่อประมาณ 10 ปีที่ผ่านมา หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.52 จากปีก่อน เนื่องจากเศรษฐกิจดีขึ้น รายได้เพิ่มขึ้น ราคาสินค้าแพงขึ้น

ส่วนพฤติกรรมการใช้จ่ายเทศกาลวาเลนไทน์วันที่ 14 กุมภาพันธ์ คาดว่าจะมีมูลค่าการใช้จ่าย 3,822 ล้านบาท สูงสุดนับตั้งแต่มีการสำรวจมาหรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.10 เพราะราคาสินค้าแพงขึ้นทั้งดอกไม้, การ์ดอวยพร, ช็อกโกแลต และของขวัญอื่นๆ

ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่าเม็ดเงินค่าใช้จ่ายช่วงเทศกาลตรุษจีนปี 2561 จะเพิ่มขึ้นทั้งค่าใช้จ่ายจากทำบุญ ท่องเที่ยว และเม็ดเงินแต๊ะเอีย ขณะที่ค่าเครื่องเซ่นไหว้อาจอยู่ในภาวะที่ทรงตัว เนื่องจากความเคร่งครัดในประเพณีที่ไม่เข้มแข็งเหมือนแต่ก่อน ทำให้แต่ละครอบครัวใช้เงินในส่วนนี้เท่าที่จำเป็น ขณะที่ราคาสินค้าเองก็ไม่ได้ปรับเพิ่มขึ้นมาก ซึ่งปัจจัยดังกล่าว  ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จึงสรุปว่าเม็ดเงินค่าใช้จ่ายช่วงเทศกาลตรุษจีนของคนกรุงเทพฯ รวมจะอยู่ที่ประมาณ 13,440 ล้านบาทขยายตัวเพิ่มร้อยละ 4.3

ธนาคารกลางจีนอัดฉีดสภาพคล่องชั่วคราวเข้าสู่ระบบเป็นมูลค่าเกือบ 2 ล้านล้านหยวน เพื่อรองรับความต้องการเงินสดในช่วงวันหยุดเทศกาลตรุษจีน และอัดฉีดสภาพคล่องระยะยาวเข้าสู่ระบบอีก 450,000 ล้านหยวน ผ่านการปรับลดอัตราส่วนกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) แบบเจาะจงเป้าหมาย โดยการปรับลด RRR จะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 25 มกราคม

กระทรวงการคลังญี่ปุ่นเปิดเผยว่า สำนักงานกำกับดูแลการเงิน (FSA) ของญี่ปุ่นลงพื้นที่ตรวจสอบบริษัทซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลหลายแห่ง เพื่อติดตามการจัดการความเสี่ยงของบริษัทเหล่านั้น หลังบริษัท Coincheck ถูกโจรกรรมเงินดิจิทัลไปเป็นมูลค่าถึง 58,000 ล้านเยน การโจรกรรมสกุลเงินดิจิทัลที่เกิดขึ้นทำให้เกิดการถกเถียงกันเกี่ยวกับวิธีการในการควบคุม

ยังมีกรณีนายวิทูรัช ศรีนาม ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี ยื่นหนังสือลาออกถึงปลัดกระทรวงมหาดไทยลงวันที่ 7 กุมภาพันธ์ สืบเนื่องมาจากหนังสือคำสั่งจังหวัดจันทบุรี เรื่องมอบหมายภารกิจการเตรียมการลงพื้นที่ตรวจราชการของนายกรัฐมนตรี และการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ณ จังหวัดจันทบุรี โดยมีการใช้ถ้อยคำ ที่ระบุว่า “...เพื่อให้การเตรียมการรับเสด็จเป็นไปด้วยความเรียบร้อย...” ทั้งนี้ทางจังหวัดมีการแก้ไขคำสั่ง และได้รายงานให้กระทรวงมหาดไทยทราบแล้ว แต่การลาออกก็เพื่อเป็นการรักษาไว้ซึ่งชื่อเสียงเกียรติยศของวงศ์ตระกูลและตำแหน่งหน้าที่ที่รับผิดชอบ