หลังรัฐบาลประกาศให้เจ้าหน้าที่จากกรมชลประทานและกรมทรัพยากรน้ำ จำนวน 81 คน มาปฏิบัติงานในสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) สำนักนายกรัฐมนตรี วันนี้ พลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี เดินทางมามอบนโยบายให้กับเจ้าหน้าที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ว่า สทนช. เป็นส่วนราชการใหม่ ที่ตั้งขึ้นตามคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรี เพื่อให้การบริหารจัดการน้ำมีเอกภาพ ลดความซ้ำซ้อนของหน่วยงานที่มีอยู่กว่า30หน่วยงาน และทำหน้าที่บูรณาการข้อมูล แผนงาน โครงการ งบประมาณ และขับเคลื่อนยุทธศาสตร์จัดการน้ำของประเทศ6ด้าน ประกอบด้วย การจัดการน้ำอุปโภคบริโภค ,การสร้างความมั่นคงของน้ำภาคการผลิต(เกษตรและอุตสาหกรรม) ,การจัดการน้ำท่วมและอุทกภัย ,การจัดการคุณภาพน้ำ ,อนุรักษ์ฟื้นฟูสภาพป่าต้นน้ำที่เสื่อมโทรม ,บริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ20ปีและแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่12 และยังมอบหมายให้แก้ปัญหาบริหารจัดการน้ำทั้งระบบให้เกิดผลสัมฤทธิ์ภายในปี2561 โดยสทนช.มีแผนงานผ่านการพิจารณาแล้ว216โครงการ วงเงิน4,212ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการที่พร้อมดำเนินการได้ทันที และสามารถบรรเทาปัญหาน้ำได้ตรงตามเป้าหมายยุทธศาสตร์น้ำที่มีกรอบงบประมาณแผนงานบูรณาการบริหารจัดการทรัพยากรในปี2562 จำนวน 128,783ล้านบาท
นอกจากนี้ สนทช.ต้องเร่งดำเนินการข้อมูลสารสนเทศด้านน้ำให้สามารถดึงข้อมูลใช้งานได้ทันที และควรเพิ่มบทบาทรองรับการเป็นไทยแลนด์ 4.0 โดยเสนอองค์ความรู้ในการผสมผสานระหว่างศาสตร์พระราชา ภูมิปัญญาท้องถิ่น และองค์ความรู้สากล มาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับแนวทางการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศ รวมถึงควรจัดตั้งสำนักงานทรัพยากรน้ำธรรมชาติระดับภาค ที่สามารถเชื่อมโยงสู่การปฏิบัติได้อย่างแท้จริง พลเอกฉัตรชัย หวังว่าการตั้งสทนช.จะสามารถแก้ปัญหาน้ำได้ทั้งระบบอย่างมีประสิทธิภาพ
ด้านนายสมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสทนช. กล่าวว่า สทนช.ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินโครงการสำคัญๆให้เกิดขึ้นภายในปี2562-2565 โดยจะกำหนดพื้นที่ Area Base ใน6ภูมิภาค รวม44พื้นที่ เช่น ภาคเหนือ ส่วนใหญ่จะประสบปัญหาบริเวณแม่น้ำยม โดยมีโครงการสำคัญในปี 2561 -2562 คือ การพัฒนาอาคารบังคับน้ำในลำน้ำยมตอนล่าง เพื่อบรรเทาภัยแล้งและบรรเทาอุทกภัยเมืองสุโขทัย ส่วนในระยะกลาง-ยาว จะพัฒนาแหล่งน้ำบาดาลขนาดใหญ่ในพื้นที่ตอนล่าง ทำระบบป้องกันเมือง สำคัญ เช่น ที่จังหวัดเชียงใหม่ ลำปาง พะเยา แพร่และเติมน้ำต้นทุนให้เขื่อนภูมิพลด้วย
ผู้สื่อข่าว : ธนดา เฉลิมวันเพ็ญ