หลังเจ้าหน้าที่เข้าจับกุมนายเปรมชัย กรรณสูตร ประธานบริหารอิตาเลี่ยนไทยบริษัทมหาชน และพวกรวม4คน ที่เข้าไปล่าสัตว์ ภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรตะวันตก
นางสาวกาญจนา นิตยะ ผอ.สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เปิดเผยว่า กรณีของนายเปรมชัยนั้น เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธุ์ มีตัวแทนของนายเปรมชัย โทรศัพท์ติดต่อมาเพื่อขออนุญาตเข้าศึกษาธรรมชาติ โดยจะกางเต้นท์พักแรมในวันที่ 3 -5 กุมภาพันธุ์ แต่การติดต่อมาไม่มีเอกสารเป็นลายลักษณ์อักษร พร้อมปฏิเสธว่า ไม่ได้เกี่ยวข้องที่ถูกระบุว่า ได้ชื่อของตัวเอง ยืนยันว่าไม่รู้จักกันมาก่อน และนายเปรมชัย ไม่ได้เป็นแขกพิเศษของตนเอง แต่เป็นแขกของเจ้าหน้าที่อุทยานฯทุกคน การเข้าไปในพื้นที่ของนายเปรมชัย กับพวก มีพฤติกรรมชัดเจนที่เชื่อได้ว่าเตรียมการมาล่าสัตว์ เนื่องจากมีหลักฐานของกลางที่ยึดได้ โดยเฉพาะอาวุธปืนและซากสัตว์ป่า รวมไปถึงการไม่ตั้งเต้นท์อยู่ในจุดที่เจ้าหน้าที่จัดเตรียมไว้ให้ แต่ห่างออกไปอีก 5-7 กิโลเมตร ทั้งที่มีการตักเตือนแล้ว
นางสาวกาญจนายืนยันว่า เจ้าหน้าที่ได้ตรวจอาวุธตามปกติ แต่นายเปรมชัยและพวก อาจซุกซ่อนไว้ตามจุดต่างๆของรถที่ขับมา ซึ่งต้องรอการยืนยันอีกครั้ง พร้อมยอมรับว่าทางอุทยานฯไม่มีเครื่องสแกนโลหะ แต่ก็ไม่คาดคิดว่าระดับนายเปรมชัยจะกล้าทำเรื่องดังกล่าว และจากการตรวจสอบประวัติของผู้ต้องหาทั้ง 4 คน ยังไม่พบข้อมูลว่าเคยขอเข้ามาพักค้างแรมและศึกษาธรรมชาติในพื้นที่
สำหรับการดำเนินคดีล่าสุดได้ส่งชุดเฉพาะกิจพญาเสือ ลงพื้นที่ช่วยรวบรวมพยานหลักฐานให้รัดกุมยิ่งขึ้น โดยจะส่งตัวผู้ต้องหาให้ตำรวจดำเนินคดีได้ภายใน 1-2 วันนี้ ทั้งนี้ส่วนตัวนางสาวกาญจนาเห็นด้วยกับการเสนอปรับแก้ไข พรบ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พศ.2535 ให้มีอัตราโทษที่สูงขึ้น เพราะขณะนี้ยังมีอัตราโทษเบาอยู่ อย่างไรก็ตามฝากถึงผู้ที่จะขออนุญาตเข้าพื้นที่ ขอให้ปฏิบัติตามกฎ และช่วยกันอนุรักษ์ป่าไม้และสัตว์ป่า