การประชุมสำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และการประชุมผู้บังคับหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท เลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กล่าวถึงสถานการณ์บ้านเมืองว่าสถานการณ์มีความเรียบร้อยในระดับหนึ่ง แม้จะมีการเคลื่อนไหวของกลุ่มต่าง ๆ ก็เป็นไปตามวิถีทางของระบอบประชาธิปไตย โดยเจ้าหน้าที่และหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายสามารถดูแลให้เกิดความเรียบร้อยภายใต้กฎหมายปกติ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในการดำเนินการเข้าสู่ระยะที่ 3 ตาม Road Map ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ คือ การเลือกตั้งทั้งระดับท้องถิ่น และระดับประเทศ พล.อ.เฉลิมชัย กล่าวว่า ขณะนี้ คสช.ได้พิจารณาปรับลดกำลังพลในส่วนของกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย เพื่อให้เหมาะสมตามสภาพการณ์ในช่วงเวลาต่อไป รวมทั้งเพื่อลดค่าใช้จ่ายด้านงบประมาณ คาดว่า จะลดกำลังได้ประมาณ2,000 อัตรา ขณะที่การปฏิบัติงาน เน้นการดูแลความสงบเรียบร้อย การบังคับใช้กฎหมาย การสนับสนุน งานตามนโยบายของรัฐบาล รวมถึงการดูแลช่วยเหลือประชาชนเป็นหลัก และดำรงความมุ่งหมายในการดูแลความสงบเรียบร้อยโดยรวม แก้ปัญหาในทุกสถานการณ์อย่างเหมาะสมด้วยความระมัดระวัง มีความยืดหยุ่นภายใต้การดำรงไว้ซึ่งกรอบของกฎหมาย และความสงบสุขของสังคมอย่างชัดเจน โดยเฉพาะการสนับสนุนตามนโยบายของรัฐบาล ขอให้ทุกส่วนได้ศึกษาในรายละเอียด รวมถึงกำหนดและบริหารจัดการวิธีการปฏิบัติให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของนโยบาย
ผบ.ทบ. กล่าวว่า กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยจะเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนและช่วยขับเคลื่อนโครงการไทยนิยม ยั่งยืน ซึ่งมอบหมายให้ทุกหน่วยได้คัดสรรเจ้าหน้าที่ที่มีความรู้ความสามารถในการอธิบายและสร้างความเข้าใจในเรื่องดังกล่าวได้อย่างเหมาะสม และพร้อมปฏิบัติงานร่วมกับส่วนราชการต่างๆ ในนาม ทีมขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศไทยระดับตำบล 7,663ตำบล ซึ่งจะเริ่มโครงการในเดือน ก.พ.นี้ ทั้งนี้ มั่นใจว่าสถานการณ์บ้านเมืองจะเป็นไปด้วยดี คสช. ยังเป็นกลไกหลักที่จะทำให้ประเทศเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้งตามโรดแมป ซึ่งผู้บังคับหน่วยและทุกส่วนงาน จำเป็นที่จะต้องทุ่มเทการทำงานเพื่อส่วนรวม ดูแลช่วยเหลือประชาชนในทุกด้าน สร้างให้สังคมไทยเดินหน้าไปตามกลไกที่กำหนดไว้
เลขาธิการคสช. ย้ำให้ผู้บังคับหน่วย ดำรงความช่วยเหลือประชาชนตามสถานการณ์อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะการเตรียมรับมือกับปัญหาไฟป่าและหมอกควันที่จะเกิดขึ้นในช่วงนี้ เพื่อให้ประชาชนเกิดความมั่นใจ และเมื่อเกิดเหตุการณ์ เจ้าหน้าที่สามารถเข้าระงับเหตุได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยขณะนี้ กองทัพบกมีการจัดตั้งศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ เพื่ออำนวยการและคลี่คลายสถานการณ์ โดยได้มีการจัดชุดรณรงค์ 14 ชุดและชุดดับไฟป่า 148 ชุด ออกปฏิบัติงานใน 9 จังหวัดภาคเหนือ มีการจัดทำแนวกันไฟในพื้นที่เสี่ยง,การซักซ้อมการดับไฟ และความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน ผ่านกลไกคณะกรรมการชายแดนในระดับท้องถิ่น รวมถึงการรณรงค์สร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนในการแก้ปัญหาและลดการเผาป่าในพื้นที่เสี่ยงอีกด้วย
แฟ้มภาพ