ความเคลื่อนไหวราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนมีนาคม ลดลง 35 เซนต์ ปิดที่ 65.45 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ทะเลเหนืองวดส่งมอบเดือนเมษายน ลดลง 1.07 ดอลลาร์ ปิดที่ 68.58 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ เผยแพร่รายงานเมื่อช่วงกลางสัปดาห์ ระบุว่ากำลังผลิตน้ำมันของสหรัฐฯ พุ่งขึ้นผ่านระดับ 10 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนพฤศจิกายน ถือเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 50 ปี
ขณะเดียวกัน บริษัทเบเกอร์ ฮิวจ์ส บริษัทผู้ให้บริการทางพลังงาน เผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐฯ โดยระบุว่ามีแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐฯเดินเครื่องเพิ่มเติม 2 สัปดาห์ติดต่อกัน อีก 6 แท่นเป็น 765 แท่น บ่งชี้ถึงกิจกรรมการขุดเจาะที่เพิ่มขึ้น
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดตลาดลดลงอย่างมาก โดยเฉพาะดาวโจนส์ร่วงลงมากกว่า 665 จุด เป็นวันที่ขยับลงหนักสุดในรอบกว่าปีครึ่ง นักลงทุนผิดหวังรายงานผลประกอบการบริษัทยักษ์ใหญ่และกังวลเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยระดับสูง
ดาวโจนส์ ลดลง 665.75 จุด ปิดที่ 25,520.96 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 59.85 จุด ปิดที่ 2,762.13 จุด แนสแดค ลดลง 144.92 จุด ปิดที่ 7,240.95 จุด อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น หลังการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานสหรัฐฯที่แข็งแกร่ง ส่งผลให้นักลงทุนคาดหมายว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) จะเร่งเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
กระทรวงแรงงานสหรัฐฯรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นมากกว่าคาดในเดือนมกราคม โดยปรับตัวขึ้น 200,000 ตำแหน่ง ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 180,000 ตำแหน่ง หลังจากที่เพิ่มขึ้น 160,000 ตำแหน่งในเดือนธันวาคม ส่วนอัตราการว่างงานทรงตัวที่ระดับ 4.1 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 17 ปี
บริษัทเอ็กซอนโมบิลและเชฟรอน 2 ยักษ์ใหญ่ทางพลังงานเป็นตัวฉุดรั้งดาวโจนส์ หลังจากดิ่งลงร้อยละ 5.1 และร้อยละ5.6 ตามลำดับ โดยบริษัทหลังนั้นได้รับผลกระทบจากรายงานผลประกอบการที่น่าผิดหวัง
ส่วนราคาทองคำ ขยับลงแรง หลังดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้น จากรายงานภาคแรงงานของสหรัฐฯ ทองคำตลาดโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 10.60 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,337.30 ดอลลาร์ต่อออนซ์
แฟ้มภาพ