กนช.จัดสรรงบฯเพิ่มประสิทธิภาพแหล่งน้ำขนาดเล็ก เตรียมแผนใช้น้ำช่วงหน้าแล้ง

หลังการประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) ที่มีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน พลเอกฉัตรชัย สาลิกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในที่ประชุมได้เปลี่ยนแปลงจำนวนบุคลากรในสำนักงานคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติจากเดิม 33 คน เหลือ 24 คน โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน มีคณะกรรมการ ประกอบไปด้วยรัฐมนตรี หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และได้เสนอการบริหารงานของสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ประกอบด้วย การวิเคราะห์ ติดตามสถานการณ์น้ำ การพัฒนาแหล่งน้ำขนาดใหญ่ การจัดทำยุทธศาสตร์จัดการน้ำ จากเดิม 10 ปีเป็น 20 ปี รวมทั้งให้มีคณะกรรมการกลั่นกรอง วิเคราะห์ประเมินผลการทำงาน

ขณะที่ การจัดสรรงบประมาณ ในปี 2561 งบประมาณปกติ ประมาณ 50,000-60,000 ล้านบาท จะใช้จัดทำแหล่งน้ำขนาดเล็ก เพิ่มประสิทธิภาพการกักเก็บน้ำ การกระจายน้ำ การระบายน้ำ แต่ที่ประชุมได้มีการเสนอการปรับใช้งบประมาณในวงเงินดังกล่าว ด้วยการเพิ่มไปใช้ด้านการซ่อมบำรุง ขยายแหล่งน้ำขนาดเล็กให้เพิ่มขึ้นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ

ส่วนแผนงานโครงการขนาดใหญ่ นายกรัฐมนตรี สั่งการให้พัฒนาแผนงาน โดยจัดทำแผนงานขนาดใหญ่ระยะเวลา 20 ปี พร้อมจัดทำวาระเร่งด่วนในแต่ละปี ซึ่งจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่ปีนี้ โดยแผนงานขนาดใหญ่ที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป จำเป็นต้องศึกษาออกแบบเพื่อลดผลกระทบ ขณะที่งบประมาณในปี 2562-2565 ได้มีแผนงานใหม่เกิดขึ้น เน้นในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แก้ไขปัญหาระบบที่ยังไม่สมบูรณ์ หรือโครงการที่รอการพัฒนาอยู่ ส่วนในพื้นที่ภาคกลาง เน้นการแก้ไขปัญหาลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาทั้งระบบ พื้นที่ภาคใต้ เน้นเรื่องระบบระบายน้ำตอนล่างเชื่อมต่อทางทะเล นอกจากนี้ ในที่ประชุมยังได้เห็นชอบหลักการให้กรมชลประทานเร่งดำเนินการโครงการบรรเทาอุทกภัยเมืองชัยภูมิในระยะที่ 1 โดยบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

สำหรับสถานการณ์น้ำและการเตรียมการรองรับในปี 2561 คือ การบริหารจัดการน้ำในปัจจุบันให้มีใช้เพียงพอในทุกภาคส่วนจนถึงสิ้นฤดูแล้งเดือนเมษายนนี้  ส่วนที่จะต้องระวังคือการบริหารจัดการน้ำเพื่อรองรับในฤดูฝน ที่จะต้องพิจารณาการใช้น้ำให้สอดคล้องกับสถานการณ์ฝนและทิศทางของลมพายุ รวมทั้งเตรียมรับมือปริมาณน้ำฝนที่คาดว่าจะตกในช่วงฤดูแล้ง โดยติดตามการคาดการณ์ของกรมอุตุนิยมวิทยาและเน้นบริหารจัดการน้ำในเขตเมืองและพื้นที่การเกษตรเพื่อลดผลกระทบ

ผู้สื่อข่าว : เกตุกนก  ครองคุ้ม