การประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. ที่มีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสนช.ทำหน้าที่เป็นประธานในการประชุม โดยที่ประชุมมีวาระสำคัญคือการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธาธารณะ โดยเป็นการพิจารณาเพื่อแก้ไขเพิ่มเติมจากพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548 สาระสำคัญสำหรับการแก้ไขเพิ่มเติม คณะกรรมาธิการฯผู้เสนอร่างฯชี้แจงว่า เพื่อเพิ่มอำนาจให้กระทรวงการคลัง ในการกู้เงินเพื่อเสริมสภาพคล่องของเงินคงคลัง และเพื่อให้การบริหารเงินคงคลังเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมทั้งขยายอำนาจให้กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในการเพิ่มกรอบระยะเวลาการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ หรือเมื่อรัฐมีรายจ่ายสูงกว่ารายได้ภายหลังวันสิ้นสุดงบประมาณ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการจัดการเงินคงคลัง ที่ประชุมได้ลงมติในวาระที่ 3 เห็นชอบให้ประกาศใช้ร่างพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธาธารณะเป็นกฎหมาย ด้วยคะแนนเสียงเห็นด้วย 205 เสียง ไม่เห็นด้วย ไม่มี และงดออกเสียง 4 เสียง
นอกจากนี้ ที่ประชุมสนช. ยังได้ลงมติในวาระที่ 3 เห็นสมควรประกาศใช้ร่างพระราชบัญญัติเงินคงคลังเป็นกฎหมาย ด้วยคะแนนเสียงเห็นด้วย 209 เสียง ไม่เห็นด้วย ไม่มี งดออกเสียง 4 เสียง โดยสาระสำคัญของร่างฯดังกล่าว คือ การกำหนดให้กระทรวงการคลังสามารถบริหารจัดการเงินคงคลังให้มีสภาพคล่องและมีประสิทธิภาพได้มากขึ้น
ขณะเดียวกัน ยังต้องติดตามการประชุมคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ หรือ กรธ. ที่มีนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรธ.ทำหน้าที่เป็นประธานในการประชุมด้วยว่า กรธ.จะมีท่าทีอย่างไร ต่อร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภาที่มีกรณีการตั้งข้อสงสัยว่าอาจจะขัดต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2560 รวมไปถึงท่าทีต่อกรณีที่มีการเลื่อนการบังคับใช้ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรออกไป 90 วัน ซึ่งขณะนี้ร่างกฎหมายลูกทั้งสองฉบับถูกส่งมาให้กรธ.พิจารณาข้อคิดเห็นแล้ว โดยกรธ.ต้องจัดทำให้แล้วเสร็จใน 10 วัน
ผู้สื่อข่าว:ธีรวัฒน์ สิทธิเกรียงไกร