ผู้ตรวจการแผ่นดินแก้ปัญหาราคาอาหารในท่าอากาศยานแพงคาดก่อนสงกรานต์ได้ราคาใหม่

หลังการประชุมร่วมของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขปัญหาราคาอาหารและเครื่องดื่มในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและสนามบินดอนเมืองที่ยังมีการจำหน่ายสูงกว่าราคาที่ท่าอากาศยาน หรือทอท.กำหนดไว้พล.อ.วิทวัส รชตะนันทน์ ผู้ตรวจการแผ่นดิน ปฏิบัติหน้าที่แทนประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน เปิดเผยว่า ผู้ตรวจการแผ่นดินได้เรียกประชุม เพราะเป็นห่วงถึงความเดือดร้อนของประชาชนและผู้ใช้บริการสนามบิน โดยจากการลงพื้นที่ตลอดเดือนนี้พบราคาอาหารยังมีความผิดปกติสูง แม้จะเคยขอให้ทอท.ตักเตือนมาเป็นระยะแล้ว

โดยผู้ตรวจการแผ่นดินมีข้อเสนอในที่ประชุมถึงการแก้ปัญหาราคาอาหารในระยะสั้นและระยะยาวให้กับกระทรวงพาณิชย์และทอท.โดยในระยะสั้น ขอให้กระทรวงพาณิชย์ตรวจสอบราคาและสั่งให้ทุกร้านค้าติดป้ายแสดงราคาอาหารและเครื่องดื่ม ถ้ายังพบการทำผิดให้ดำเนินการตามกฎหมาย ประการสอง ขอให้ทอท.นำราคาอาหารตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำมาจัดทำเป็นราคากลาง โดยราคาอาหารในสนามบินทั้งสองแห่งจะต้องไม่สูงไปกว่า 20-25% จากราคากลาง ทั้งนี้ให้ทอท.จัดชุดทำงานไปสำรวจราคากลางใหม่อีกครั้ง

โดยให้เวลา 1 เดือนจากนี้ต้องแล้วเสร็จ แล้วส่งราคาใหม่ไปให้ร้านค้าดำเนินการปรับปรุงให้เสร็จภายใน 60 วัน ทั้งนี้อาหารและเครื่องดื่มต้องมีความเหมาะสมทั้งเรื่องปริมาณและราคาควบคู่กัน นอกจากนี้กำหนดให้ทุกร้านค้าต้องมีการจำหน่ายน้ำดื่มธรรมดาในปริมาณ 600 ซีซี ในราคา 10 บาท เพื่อเป็นทางเลือกให้ผู้บริโภค รวมทั้งให้ทอท.กำหนดมาตรการควบคุมให้มีการตรวจสอบการขายอาหารและเครื่องดื่มเป็นระยะโดยต้องไม่เกินเกณฑ์ที่ตกลงกันไว้ และให้ทอท.พัฒนาแอพพลิเคชั่นที่เป็นแอพพลิเคชั่นสำหรับแจ้งราคาอาหารในพื้นที่สนามบินให้ทันสมัยด้วย

โดยกรอบเวลาทั้งหมดนี้มีเวลาดำเนินการ 60-120 วันต้องแล้วเสร็จ และทอท.ต้องแจ้งผลมาให้รับทราบ ซึ่งเบื้องต้นทอท.มีสัญญาณตอบรับที่จะทำตาม ซึ่งคาดว่าก่อนสงกรานต์ ผู้โดยสารและประชาชนจะได้ใช้ราคาใหม่ของอาหารบางชนิด อย่างไรก็ดียอมรับว่าน้ำแร่ไม่สามารถควบคุมราคาได้ อีกทั้งราคาใหม่ที่กำหนดนี้ครอบคลุมเฉพาะร้านสะดวกซื้อและร้านที่มิใช่ร้านที่มีบริการเสิร์ฟบนโต๊ะอาหาร

ส่วนระยะยาวคือเมื่อเริ่มรอบสัมปทานใหม่ในปี 2563 ผู้ตรวจการฯขอให้ทอท.ไปชี้แจ้งร้านค้าให้กำหนดราคาให้ใกล้เคียงกับราคาในห้างสรรพสินค้าชั้นนำ หรืออย่างน้อยราคาต้องต่ำกว่าหรือเทียบเท่ากับราคาที่สูงกว่า 20-25% จากราคาห้างสรรพสินค้าชั้นนำ ประการสอง ให้ทอท.ทำสัญญาเช่าให้มีผู้ชนะประมูล 3 ราย แบ่งพื้นที่เป็น 3 ส่วน เพื่อจะได้ไม่เกิดการผูกขาด และมีการแข่งขันของผู้ประกอบการมากขึ้น

ด้านนางสาว ดาลัด อัศเวศน์ รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระบุว่า ถ้าสั่งให้แก้ราคาแล้วยังพบการทำผิดของผู้ประกอบการอยู่ จะมีมาตรการตั้งแต่การตักเตือนไปจนถึงการเพิกสัญญาเช่า สำหรับข้อเสนอของทอท.ที่ให้สัญญาใหม่มีผู้ประกอบการในพื้นที่มากกว่า 1 ราย มองว่าเป็นไปได้ และทอท.พร้อมรับข้อเสนอทุกอย่างที่ผู้ตรวจการฯเสนอมา ทั้งนี้บริษัทที่ทำการเช่าพื้นที่ของทอท.และเป็นคู่สัญญากับผู้ประกอบการร้านอาหารอยู่ในขณะนี้คือ บริษัท คิง เพาเวอร์ สุวรรณภูมิ จำกัด ซึ่งทอท.คงจะเรียกมาหารืออีกครั้งด้วย