กรมทางหลวง เผยเอกชน สนใจร่วมทุนมอเตอร์เวย์ 2สาย

31 มกราคม 2561, 11:28น.


งานสัมมนาเผยแพร่ข้อมูลโครงการก่อนประกาศเชิญชวนเอกชนร่วมลงทุน ในการดำเนินงานและบำรุงรักษา โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองสายบางปะอิน-นครราชสีมา และสายบางใหญ่-กาญจนบุรี นายธานินทร์ สมบูรณ์ อธิบดีกรมทางหลวง เปิดเผยว่า งานสัมมนาครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อประชาสัมพันธ์รายละเอียดโครงการ รูปแบบการลงทุน ร่างเอกสารเงื่อนไขการร่วมลงทุน พร้อมกับรับฟังความคิดเห็น และตอบข้อซักถามจากผู้ที่สนใจในโครงการ โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐ เอกชน เข้าร่วมงานสัมมนากว่า 300 คน ซึ่งขณะนี้มีเอกชนให้ความสนใจแล้ว 8-9 ราย





สำหรับโครงการดังกล่าว แบ่งกรอบการลงทุน 2 ระยะ คือ ระยะที่ 1 เอกชนออกแบบและลงทุนก่อสร้างงานระบบและองค์ประกอบอื่นๆ ระยะเวลาไม่เกิน 2 ปี 6 เดือน โดยทรัพย์สินที่เอกชนลงทุนก่อสร้างเป็นกรรมสิทธิ์ของกรมทางหลวง ส่วนระยะที่ 2 เอกชนดำเนินงานและบำรุงรักษาโครงการทั้งหมด ทั้งส่วนงานโยธาที่กรมทางหลวงเป็นผู้ลงทุนและงานส่วนเอกชนเป็นผู้ลงทุน โดยเอกชนเป็นผู้ดำเนินการบริหารจัดเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางและมอบให้กรมทางหลวง ระยะเวลาสัญญาไม่เกิน 30 ปี นับแต่เปิดให้บริการ ซึ่งรายได้ค่าผ่านทางทั้งหมดจะเป็นกรรมสิทธิ์ของภาครัฐ โดยผลตอบแทนค่าจ้างที่รัฐจะแบ่งคืนให้เอกชน คือ ค่าลงทุนก่อสร้างงานระบบ และค่าจ้างการดำเนินงานและบำรุงรักษาโครงการ ซึ่งหากเอกชนไม่สามารถบริหารจัดการได้ตามเงื่อนไขที่ตกลงไว้ กรมทางหลวงจะคิดค่าปรับตามเงื่อนไขข้อกำหนดตามสัญญา



สำหรับความคืบหน้าโครงการในส่วนของสายบางปะอิน-นครราชสีมา นายธานินทร์ ระบุว่า ขณะนี้งานโยธาคืบหน้าแล้วกว่าร้อยละ 30 และจะเปิดให้บริการและเก็บค่าทางด่วนได้ในปี 2564 คาดว่าจะมีปริมาณการจราจรเริ่มต้นที่ 10,000-12,000 คันต่อวัน





ปัญหาชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบในพื้นที่ ขณะนี้ สำนักสำรวจออกแบบและผู้ที่เกี่ยวข้องได้ทำความเข้าใจกับชาวบ้านแล้ว รวมถึงได้มีการออกแบบทางเข้า-ออก ทางลอด ทางขนาน และทางระบายน้ำให้กับประชาชนใหม่ รวมถึงวงเงินเยียวยาด้วย ซึ่งจะมีการขออนุมัติงบประมาณเพิ่มเติมต่อไป แต่กรมทางหลวง ก็มีงบประมาณที่ใช้ในการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้  6,000-7,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นงบประมาณส่วนที่เหลือจากการเปิดประมูลโครงการ โดยจะมีการจัดทำทางเข้า-ออก การทำทางระบายน้ำด้วย





ส่วนมอเตอร์เวย์สายบางใหญ่-กาญจนบุรี ขณะนี้ยังติดปัญหาเรื่องการเวนคืนที่ดินตลอดทั้งเส้นทาง ทำให้ไม่สามารถเข้าพื้นที่ก่อสร้างได้ จึงได้ทำการประเมินราคาที่ดินใหม่ 2-3 ครั้ง จึงได้ข้อสรุปว่าต้องมีการเสนอของบประมาณการเวนคืนที่ดินเพิ่มเติมกับคณะรัฐมนตรีในเดือนกุมภาพันธ์นี้ จาก 5,420 ล้านบาทเป็น 19,737 ล้านบาท แต่ทางกรมทางหลวงก็ยังเหลืองบประมาณที่มาจากการจัดประมูลอีก 5,000  ล้านบาท และการเปิดให้บริการโครงการจะล่าช้าจากแผนเดิมไปประมาณ 6 เดือน เป็นช่วงกลางปี 2564 ซึ่งคาดว่าจะมีปริมาณการจราจรเริ่มต้น 8,000-9,000 คันต่อวัน



ผู้สื่อข่าว:ปภาดา พูลสุข



 

ข่าวทั้งหมด

X