+++นายชาห์ ฮุสเซน มูร์ตาซาวี โฆษกของประธานาธิบดีอัชราฟ กาห์นี แห่งอัฟกานิสถาน แถลงว่า รัฐบาลอัฟกานิสถาน เคยสนับสนุนให้กลุ่มหัวรุนแรงตอลีบัน หันหน้ามาเจรจา แต่เหตุโจมตีหลายครั้งในกรุงคาบูลรวมถึงการโจมตีด้วยระเบิดฆ่าตัวตายเมื่อวันเสาร์ที่ 27 ม.ค.ทำให้มีผู้เสียชีวิตไปกว่า 100 ศพ ถือเป็นการสูญเสียโอกาสที่จะเกิดสันติภาพ ดังนั้นจึงต้องมองหาสันติภาพในสนามรบแทน ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ สั่งเพิ่มกำลังทหารสหรัฐฯ การโจมตีทางอากาศ และความช่วยเหลืออื่นๆให้กับกองทัพอัฟกานิสถาน
+++ขณะที่ นายซาบิฮุลลาห์ มูจาฮีด โฆษกของกลุ่มตอลีบัน แถลงว่า ตอลีบันไม่เคยต้องการที่จะเจรจาสันติภาพกับสหรัฐฯ อยู่แล้ว แต่มีเจ้าหน้าที่อาวุโสคนหนึ่งของตอลีบัน ตั้งข้อสังเกตว่าอาจมีความพยายามที่จะให้มีการเจรจาเกิดขึ้นให้ได้เมื่อวันจันทร์ ประธานาธิบดีทรัมป์ ของสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบขาว ประณามกลุ่มตอลีบันที่ก่อเหตุรุนแรงในกรุงคาบูล และสหรัฐฯไม่ได้เตรียมการที่จะเจรจากับตอลีบันในขณะนี้ และให้คำมั่นว่าจะจัดการในสิ่งที่ต้องทำให้เสร็จสิ้น
+++ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯกับรัสเซีย หลังจากที่กระทรวงการคลังสหรัฐฯเผยแพร่รายชื่อเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลรัสเซียคือนักการเมือง 114 คนและผู้นำธุรกิจของรัสเซีย 96 คนที่ใกล้ชิดกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ที่อาจจะถูกสหรัฐฯคว่ำบาตร นายดมิทรี เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน กล่าวว่า รัฐบาลรัสเซียกำลังศึกษารายชื่อดังกล่าวอย่างละเอียดและรอบคอบ รัสเซียไม่ทราบที่มาที่ไปของการที่สหรัฐฯเพ่งเล็งไปยังบุคคลดังกล่าว และมีความเป็นไปได้อย่างมากที่เรื่องนี้จะส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อความสัมพันธ์ในระดับทวิภาคี
+++ขณะที่ในรายชื่อของนักธุรกิจสัญชาติรัสเซีย มีทั้งนายอเล็กซี มิลเลอร์ ประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร ( ซีอีโอ ) ของก๊าซพรอม รัฐวิสาหกิจด้านพลังงานรายใหญ่ที่สุดของรัสเซีย นายโอเล็ก เดรีปาสกา ประธานบริษัทเบสิค เอเลเมนต์ หนึ่งในกลุ่มอุตสาหกรรมรายใหญ่ที่สุดของรัสเซีย นายโรมัน อับราโมวิช มหาเศรษฐีนักลงทุนชาวรัสเซียซึ่งเป็นเจ้าของสโมสรฟุตบอลเชลซี ในพรีเมียร์ลีกของอังกฤษ และนายอิกอร์ เซชิน ประธานบริษัทน้ำมันรอสเนฟต์
+++สายการบินไชน่า อีสเทิร์น แอร์ไลน์ส และ เซียะเหมิน แอร์ไลน์ส ออกแถลงการณ์ยกเลิกบริการเที่ยวบินไปกลับ ในช่วงเทศกาลตรุษจีน ซึ่งตรงกับกลางเดือนก.พ. โดยให้เหตุผลว่า ไม่มีทางเลือก และระบุว่าเป็นความผิด ของรัฐบาลไต้หวัน ที่ปฏิเสธคำร้องการขออนุมัติเที่ยวบินเพิ่มเติมในช่วงเวลาดังกล่าว ที่สายการบินทั้งสองแห่งยื่นเสนอไปเมื่อช่วงต้นเดือนนี้
+++ขณะที่กระทรวงคมนาคมของไต้หวัน ออกแถลงการณ์ตอบโต้ทันควันว่า การยกเลิกให้บริการเป็นไปตามดุลยพินิจของสายการบินทั้งสองแห่ง และรัฐบาลไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจ อีกทั้งไม่เคยมี การกดดันให้ทั้งไชน่า อีสเทิร์น แอร์ไลน์ส และ เซียะเหมิน แอร์ไลน์ส ยกเลิกเที่ยวบินระหว่างกรุงไทเปในช่วงเทศกาลวันหยุดยาว แต่ไต้หวัน หวังเป็นอย่างยิ่งว่า สถานการณ์ตึงเครียดครั้งนี้จะได้รับการแก้ไขอย่างเหมาะสม กระทรวงคมนาคมไต้หวัน จะพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อช่วยให้ชาวไต้หวันได้กลับบ้านในช่วงเทศกาลตรุษจีน มีชาวไต้หวันนับหมื่นคนที่ทำงานในจีนแผ่นดินใหญ่เดินทางกลับบ้าน
+++สำนักงานบริหารการบินพลเรือนไต้หวัน ( ซีเอเอ ) ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจพิจารณาคำร้องของสายการบินแต่ละแห่งในการจัดเส้นทางการบินพาณิชย์ระหว่างไต้หวัน มีแถลงการณ์ออกมาเมื่อช่วงกลางเดือนนี้ ว่าการที่ซีเอเอปฏิเสธคำร้องของไชน่า อีสเทิร์น แอร์ไลน์ส และ เซียะเหมิน แอร์ไลน์ส เนื่องจากสายการบินทั้งสองแห่งใช้เส้นทางบิน เอ็ม503 ซึ่งเป็นเส้นทางบินที่รัฐบาลจีน เปิดทำการโดยไม่มีการหารือกับรัฐบาลไต้หวันก่อน ถือเป็นการละเมิดข้อตกลงร่วมกันเมื่อปี 2558 ที่ระบุชัดเจนว่าการเปิดเส้นทางบินในบริเวณนี้ ต้องผ่านการหารือและได้รับความเห็นชอบในระดับทวิภาคีก่อน
+++จังหวัดอาเจะห์ของอินโดนีเซีย กำลังออกคำสั่งให้พนักงานต้อนรับหญิงที่เป็นชาวมุสลิม บนเครื่องบินต้องสวมฮิญาบ
ผู้หญิงชาวมุสลิมในอาเจะห์ บนเกาะสุมาตรา ถูกกำหนดให้ต้องสวมผ้าคลุมผมมุสลิมภายใต้กฎหมายศาสนา ส่วนสตรีที่ไม่ใช่คนอิสลาม สามารถเลือกสวมชุดสุภาพแทนได้
+++มาวาร์ดี อาลี หัวหน้าเขตอาเจะห์ เบซาร์ อันเป็นที่ตั้งของบันดา อาเจะห์ เมืองเอกของจังหวัด ระบุว่า จะเผยแพร่กฎระเบียบนี้ไปยังสายการบินต่างๆตลอดทั้งสัปดาห์ จากนั้นจะพูดถึงบทลงโทษหากพบว่าลูกเรือมุสลิมไม่ยอมปฏิบัติตาม การูดา สายการบินแห่งชาติอินโดนีเซียและบริษัทลูก ซิติลิงค์ สายการบินต้นทุนต่ำ คือสองผู้ให้บริการหลักในจังหวัดแห่งนี้ โดยทาง การูดา ยืนยันว่าพวกเขาจะปฏิบัติตามกฎระเบียบใหม่และเพิ่มเติมด้วยการให้พนักงานหญิงสวมเครื่องแบบพิเศษ ในนั้นรวมถึงสวมฮิญาบ ในเที่ยวบินจากตะวันออกกลาง ที่มุ่งหน้ามายังจังหวัดอาเจะห์ด้วย
+++ศูนย์นวัตกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อมและการพัฒนา เปิดเผยว่า กรุงฮานอย เมืองหลวงของเวียดนาม ระดับมลพิษเพิ่มขึ้นเทียบเท่ากับกรุงปักกิ่งของจีน มลพิษทางอากาศโดยเฉลี่ยต่อปีในกรุงฮานอยเมื่อปี 2560 สูงกว่าอัตราค่าเฉลี่ยคุณภาพทางอากาศตามมาตรฐานที่ยอมรับได้ขององค์การอนามัยโลกถึง 4 เท่า มีการคาดการณ์ว่า สถานการณ์มีแนวโน้มที่จะแย่ลง
มลพิษทางอากาศในกรุงฮานอยส่วนหนึ่งเป็นผลจากโรงงานที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก รวมทั้งการเพิ่มขึ้นของโครงการการก่อสร้าง การใช้รถ และจักรยานยนต์ที่มากขึ้น และการเผาทำลายทางการเกษตรของเกษตรกร และการวิจัยในรายงานยังชี้ว่า อุตสาหกรรมหนัก เช่น โรงงานเหล็ก โรงงานปูนซีเมนต์ และโรงไฟฟ้าถ่านหิน ในพื้นที่ใกล้เมืองหลวงยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศเช่นกัน
+++มลพิษทางอากาศของกรุงฮานอยในตอนนี้ย่ำแย่กว่ากรุงจาการ์ตาของอินโดนีเซีย ตามการระบุของรายงาน และไม่มีแนวโน้มว่าจะดีขึ้น ด้วยทางการเวียดนามกำลังผลักดันแผนการที่จะสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินเพิ่ม การสัมผัสกับมลพิษทางอากาศในระดับสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระยะยาว สามารถส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจ และการอักเสบ และยังสามารถนำไปสู่โรคหัวใจ และมะเร็ง
CR:BBC,Reuters