ครม.เห็นชอบอนุมัติงบกลางทำบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเพิ่ม ประชุมครม.สัญจร 5-6 ก.พ.นี้ ที่ตราด-จันทบุรี

ผลการประชุมคณะรัฐมนตรี  นาย ณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ เปิดเผยว่า ครม.เห็นชอบอนุมัติงบกลางประจำปี 2560 สำหรับโครงการที่มีขนาดใหญ่และการแก้ปัญหาในพื้นที่ต่างๆอย่างยั่งยืน เป็นวงเงิน 2,105 ล้านบาทเศษ เช่น โครงการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการจัดซื้อเครื่องเอ็กซเรย์เพื่อตรวจจับวัตถุระเบิด วงเงิน 183 ล้านบาท โครงการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่าของกระทรวงมหาดไทย

นอกจากนี้ครม.ยังเห็นชอบอนุมัติงบกลางประจำปีอีก 290 ล้านบาทให้กรมบัญชีกลางจัดทำบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเพิ่มเติม เพื่อสนับสนุนการจัดทำโครงการให้มากขึ้น โดยการดำเนินโครงการในปัจจุบัน มียอดชำระสินค้าให้ร้านธงฟ้าแล้ว 11,783 ล้านบาท ชำระค่าแก๊สหุงต้ม 13 ล้านบาท ชำระค่าเดินทางของบริษัทขนส่งจำนวน 28 ล้านบาท และชำระค่ารถไฟ 45 ล้านบาท

ครม.ยังเห็นชอบยกเว้นการเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและภาษีเงินได้นิติบุคคล สำหรับผู้ที่สนับสนุนเงินทุนให้กับกองทุนที่เกี่ยวกับการวิจัยและพัฒนาใน 4 กองทุน โดยให้ยกเว้นภาษีเงินได้ดังกล่าวจำนวน 2 เท่าของยอดบริจาค แต่เมื่อรวมแล้วต้องไม่เกินร้อยละ 10 ของกำไรสุทธิ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่บังคับใช้ และสิ้นสุดภายในปี 2562 เพื่อสนับสนุนงานวิจัยให้มากขึ้น คาดว่ารัฐต้องสูญเสียโอกาสจัดเก็บรายได้ประมาณ 60 ล้านบาท

ด้านพล.ท. สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังระบุว่าครม.ได้เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา โดยกองทุนดังกล่าวมีเป้าหมายสำคัญคือเป็นกองทุนให้กู้ยืมสำหรับบุคคลที่ไม่มีโอกาสทางการศึกษา ซึ่งรัฐบาลจะเป็นผู้สนับสนุนเงินทุนประเดิม แต่ยังไม่มีการกำหนดกรอบวงเงินที่ชัดเจน เพราะได้สั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปจัดทำแผนงานให้ชัดและนำมาเสนอต่อครม.ใหม่อีกครั้ง

ด้านพ.อ.อธิสิทธิ์ ไชยนุวัติ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่า ครม.เห็นชอบดำเนินการตามมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ในการดำเนินการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือ โดยเห็นชอบให้อายัดเงินทุน ทรัพยากร และองค์กรที่อยู่ในบัญชีรายชื่อที่กำหนดไว้ และสกัดกั้นทางทะเล ที่ผ่านมารัฐบาลได้มีมติเห็นชอบคว่ำบาตร เกาหลีเหนือไปแล้ว 10 ฉบับ ซึ่งในครั้งนี้เป็นฉบับที่ 11 ทั้งนี้การคว่ำบาตรต้องเป็นไปตามกฎหมายภายในประเทศ และพันธกรณีระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง รวมไปถึงการเฝ้าระวังมากกว่าการป้องปราม

ทั้งนี้ในวันที่ 5 และ 6 กุมภาพันธ์ 2561 พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะมีกำหนดลงพื้นที่ตรวจราชการและประชุมครม.สัญจรในจ.ตราดและจันทบุรีด้วย