รองผบ.ตร.สั่งจับคนร้ายขโมยทองคำ สั่งสอบหาเงินเพิ่ม ย้ำ โหลดใต้ท้องเครื่องบิน

30 มกราคม 2561, 15:40น.


หลังผู้สื่อข่าวทีวีช่องหนึ่งถูกขโมยทรัพย์สินภายในกระเป๋าสะพานที่โหลดใต้ท้องเครื่องบินของสายการบินบางกอกแอร์เวย์ ระหว่างเดินทางกลับจากเกาะสมุย จังหวัดสุราษฏร์ธานี มาลงที่จากสนามบินสุวรรณภูมิ ล่าสุดเจ้าหน้าที่สามารถติดตาตัวคนร้ายได้แล้ว



พลตำรวจเอกวิระชัย ทรงเมตตา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมนายธงชัย มานะ อายุ 26 ปี พนักงานบริษัทลำเลียงกระเป๋า จากการสอบปากคำนายธงชัยรับสารภาพว่าก่อเหตุขณะเข้าไปขนถ่ายกระเป๋าใต้ท้องเครื่องบริเวณด้านหลัง ระหว่างนั้นเห็นช่องใส่กระเป๋าเป้ด้านหน้าเปิดอยู่ ภายในมีถุงใส่ทองสีแดง เมื่อเปิดดูพบข้างในมีสร้อยคอทองคำ 1 เส้น จึงขโมยไป ก่อนจะนำกล่องใส่ทองไปทิ้งในชักโครกในห้องน้ำ และนำทองห่อกระดาษทิชชู่ เหน็บไว้ใต้รองเท้า เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบ โดยนายธงชัยอ้างว่าก่อเหตุเพียงคนเดียวและเป็นครั้งแรก ยอมรับว่าขโมยแต่เพียงเส้นคอทองคำไป ปฏิเสธว่าไม่ได้นำเงินสด5,000บาทไป  แต่ทางตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อ จะต้องพิสูจน์ต่อไป ว่า ใครเป็นผู้นำเงินดังกล่าวไป รวมถึงมีบุคคลอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องอีกหรือไม่ เบื้องต้นได้เก็บดีเอ็นเอบนกระเป๋าของผู้โดยสารเพื่อนำไปตรวจสอบแล้ว อยู่ระหว่างรอผล





ส่วนที่เมื่อวานนี้ตรวจค้นบ้านพักของนายธงชัย พบ สร้อยคอทองคำ ซึ่งเป็นของกลางเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ตำรวจจึงแจ้งข้อหา ลักทรัพย์ในท่าอากาศยาน ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ พร้อมฝากไปถึงผู้โดยสาร หากต้องการโหลดกระเป๋าใต้เครื่องบิน ควรมีการล็อกรหัสให้เรียบร้อย



อย่างไรก็ตามวันนี้พลตำรวจเอกวิระชัย ลงพื้นที่ตรวจสอบศูนย์ตรวจพนักงานเข้า-ออกลานบิน เพื่อดูระบบรักษาความปลอดภัยว่ามีความรัดกุมมากน้อยเพียงใด โดยบริเวณดังกล่าวจะมีการสแกนสัมภาระและร่างกายของพนักงานทุกคน  แต่จุดอ่อนของเครื่องสแกนอยู่ที่บริเวณใต้ข้อเท้า หากซ่อนสิ่งของบริเวณนั้น เครื่องสแกนจะไม่สามารถตรวจจับได้ จึงได้กำชับให้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิปรับพื้นการตรวจฝ่าเท้าให้สูงขึ้น เพื่อง่ายต่อการตรวจค้นของเจ้าหน้าที่



ด้านนายกิตติพงศ์ กิตติขจร รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ยืนยันว่า ปัจจุบันท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมีมาตรการป้องกันทรัพย์สินผู้โดยสารตามหลักสากลอยู่แล้ว ส่วนกรณีที่เกิดขึ้นนั้นอยู่นอกพื้นที่การรับผิดชอบ แต่หลังจากนี้จะหารือกับสายการบิน เรื่องมาตราการป้องกันและดูแลสวัสดิการให้กับบุคลากร เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้ขึ้นอีก





ขณะที่ผู้สื่อข่าวในฐานะผู้เสียหาย เล่าให้ฟังว่า ส่วนตัวมีความเชื่อมั่นอยู่แล้วว่าคนร้ายต้องเป็นคนคนในสายการบินเองและตำรวจจะสามารถติดตามตัวคนร้ายได้อย่างแน่นอน แม้จุดที่คนร้ายขโมยจะไม่มีกล้องวงจรปิดก็ตาม และจุดอื่นๆในสนามบินที่มีกล้อง แต่คนร้ายที่ทำงานทุกวันย่อมรู้มุมว่าจะขโมยทรัพย์สินอย่างไรที่กล้องไม่สามารถจับภาพได้และไม่มีความผิด ยอมรับว่าส่วนหนึ่งก็เกิดจากความประมาทของตัวเองที่ไม่รอบคอบจนทำให้เกิดเรื่องขึ้น แต่กระเป๋าสัมภาระและทรัพย์สินภายในเป็นของเรา ไม่ว่าเจ้าหน้าที่ส่วนใหนก็ไม่มีสิทธิ์เข้ามาตรวจค้นโดยที่เจ้าของไม่รู้และไม่ได้อนุญาติ ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้ตัวเองหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะสามารถปราบปรามจับกุมแก๊งนี้ได้ทั้งขบวนการ พร้อมฝากไปยังสายการบินทุกแห่ง ขอให้มีมาตรการลงโทษอย่างเด็ดขาดไม่ให้เจ้าหน้าที่มาก่อเหตุอย่างกรณีของตนเอง



ข่าวทั้งหมด

X